KS Daily View 13.01.2025 >>> SET ภาพรวมกดดันต่อ หลังดอลลาร์แข็ง ยีลด์ขึ้นต่อเนื่อง มองกรอบ SET วันนี้ 1,350 – 1,380 จุด หุ้นแนะนำ OSP และ CPALL
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,340-1,380 จุด แม้แนวโน้มหลักยังเป็นขาลง แต่ความได้เปรียบของฝั่งขายเริ่มน้อยลงในระยะสั้นหลังดัชนีปรับตัวลงมาแล้ว 2.3% MTD ทำให้คาดว่าตลาดจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยอาจมีการรีบาวด์ให้เห็นได้บ้าง ต้นสัปดาห์อาจตลาดได้แรงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ที่ออกมาแข็งแกร่งที่ 2.56 แสนตำแหน่ง และอัตราว่างงานลดลงเหลือ 4.1% สะท้อนตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งอาจกดดันให้ Fed คงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯ 10 ปีพุ่งแตะ 4.7% และดัชนีค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าแตะ 109 จุด อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจได้แรงหนุนจากงานChat with Tony ของอดีตนายกทักษิณในวันจันทร์ แม้คาดผลบวกจะน้อยกว่าครั้งแรกในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ก่อนที่จะกลับมากังวลตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค. ในวันพุธที่คาดเร่งตัวเป็น 2.9% YoY สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่ผันผวนต่ำหรือจ่ายปันผลสูง ผสมหุ้นที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจในประเทศและคาดผลประกอบการ Q4/67 เติบโตโดดเด่น แนะนำ KTB CPALL OSP SYNEX BBIK
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,367.99 จุด ปรับตัวขึ้น 5 จุด จาก Technical Rebound หลังลงไปทดสอบ 1,350 จุด โดยแรงหนุนมาจากกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว เช่น สื่อสารประเด็นเงินปันผลสูง, พลังงานที่มีแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และค้าปลีกที่ Easy e-Receipt จะเริ่มใช้ในวันที่ 16 ม.ค. แต่สำหรับวันนี้เรามองตลาดน่าจะกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และ US Bond Yield ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง มองกรอบ 1,350 – 1,380 หุ้นแนะนำเป็นOSP, CPALL
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนธันวาคม 2024 แข็งแกร่งเกินคาด โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 256,000 ตำแหน่ง สูงสุดในรอบ 9 เดือนและมากกว่าคาดที่ 160,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 4.1% จาก 4.2% ในขณะที่ค่าจ้างชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก 4% เหลือ 3.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ผลสำรวจมหาวิทยาลัยมิชิแกนพบว่า ความคาดหวังเงินเฟ้อระยะยาวของผู้บริโภคสหรัฐฯ พุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 โดยคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 3.3% ต่อปีในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 3% ในเดือนก่อน หนุนให้ Bond Yield 10 ปี ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
กระทรวงการคลังเตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 13 มกราคม 2568 หลังผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนด้วยคะแนนเห็นชอบ 80% โดยร่างกฎหมายระบุประเภทธุรกิจ 10 ประเภท รวมถึงห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานบันเทิง และคาสิโน พร้อมกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งแรก 5,000 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ยุคใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ AI และดิจิทัล พร้อมเร่งเจรจา FTA กับหลายประเทศเพื่อขยายตลาดส่งออก นอกจากนี้ยังได้หารือกับผู้บริหารโตโยต้าเพื่อผลักดันไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ในอาเซียน โดยคาดว่าจะมีเงินลงทุนใหม่จากญี่ปุ่นเข้ามาอีกกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวม 11 เดือนของปี 2567 อยู่ที่ 48,093 ล้านดอลลาร์
รัฐบาลเปิดเผยผ่านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ถึงแนวโน้มการลงทุนที่สดใสในปี 2568 โดยบีโอไอคาดว่าจะสามารถดึงดูดการลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายได้มากกว่า 800,000 ล้านบาท ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ดิจิทัลและดาต้าเซ็นเตอร์ อาหารแห่งอนาคต และพลังงานหมุนเวียน โดยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมามีนักลงทุนสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก เนื่องจากไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ทันสมัย และมีสิทธิประโยชน์การลงทุนที่น่าสนใจ พร้อมกันนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวและการพัฒนาบุคลากรสาย STEM เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงในวันศุกร์ หลังกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซีย โดยมุ่งเป้าไปที่บริษัทGazprom Neft และ Surgutneftegas รวมถึงบริษัทในเครือ เรือบรรทุกน้ำมันกว่า 180 ลำ และเจ้าหน้าที่และผู้บริหารด้านพลังงานของรัสเซียกว่าสิบคน
Daily pick
OSP: ราคาพื้นฐาน 27.60 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ OSP และยืนยันมุมมองการลงทุนเดิม โดยคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2569 จากปัจจัยสนับสนุนดังนี้ 1) ต้นทุนการผลิตที่ลดลง ทั้งเศษแก้วที่ลดลง 10-15% และน้ำตาลที่ลดลง 5-10% เทียบปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสดีกว่าที่ตลาดคาด 2) การฟื้นตัวของตลาดในประเทศในไตรมาส 4/2567 หลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภาคเหนือในไตรมาส 3/2567 โดยคาดส่วนแบ่งตลาดจะเพิ่มขึ้น 30-50 bps 3) การเติบโตในระดับสองหลักของตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะพม่า 4) โอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดหลังการขึ้นภาษีน้ำตาลรอบสุดท้ายในเดือนเมษายน เนื่องจากคู่แข่งบางรายอาจต้องปรับสูตรซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาบริโภคยี่ห้ออื่น ทั้งนี้มูลค่าหุ้นที่ Fwd PE’69 ที่ 17 เท่า มี Downside ค่อนข้างต่ำ อีกยังมีอัตราเงินปันผลราว 5%
CPALL: ราคาพื้นฐาน 80.00 บาท
เราแนะนำเก็งกำไรเชิง Tactical Call ใน CPALL จากมูลค่าหุ้นที่ Fwd PE’69 อยู่ที่ราว 20 เท่า ลดลงต่ำถึงระดับ -2SD มี Downside ต่ำ หลังถูกเทขายในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2567 ประกอบกับยอดขายสาขาเดิมเดือนธันวาคมที่เติบโต 3-4% ส่งผลให้ไตรมาส 4/2567 มียอดขายสาขาเดิมเติบโตราว 3.5% คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะเติบโตได้ตามคาด และมีโอกาสได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าที่อาจลดลงเหลือ 3.70-3.90 บาทต่อหน่วย ซึ่งต้นทุนสาธารณูปโภคคิดเป็น 8% ของต้นทุนดำเนินงาน คาดส่งผลบวกต่อกำไรปี 2568 ประมาณ 3% สำหรับปี 2568 คาดยอดขายสาขาเดิมเติบโต 3% พร้อมการขยาย 700 สาขา ส่งผลให้รายได้เติบโตในระดับกลางถึงสูงแบบหลักเดียว และอัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสเพิ่มขึ้น 10-30 bps ตามกลยุทธ์เน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตามตัวเลขส่งออกของจีนเดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 7.4% YoY เร่งตัวจากเดือนที่ผ่านมาที่ 6.7% YoY และตัวเลขนำเข้าของจีน เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -1.4% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่ -3.9% YoY
วันอังคาร ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 0.4% MoM ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 0.3% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.2% YoY
วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (US CPI) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.9% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.7% ขณะที่ Core CPI ตลาดคาดที่ 3.3% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่อด้วยรายงานดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์ก (Empire State Manufacturing Index) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -2.0 จุด ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.2 จุด
วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail Sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.5% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.7% MoM และปิดท้ายด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.01 แสนตำแหน่ง
วันศุกร์ ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอย่าง GDP 4Q24 ตลาดคาดการณ์ที่ 5.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 4.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 5.4% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และดัชนียอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.0% YoY