ความหวัง Bull Rally / 1,350-1,370
SET พลิกมาปรับตัวขึ้น: แรงหนุนจากการแสดงวิสัยทัศน์ของอดีตนายกฯ ซึ่งคาดหวังว่ารัฐบาลจะนำไปปรับใช้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อหากแต่ยังมี Sentiment กดดันจาก US bond yield
กลยุทธ์การลงทุน
- เก็งงบ 4Q67: BBL, KBANK, KTB, KTC, MASTER, TCAP, TRUE, TTB
- Easy E-Receipt + Entertainment Complex: ADVICE, BTS, CPALL, CPAXT, CRC, MBK, VGI
- พลังงาน: BCP, PTTEP, SPRC
- ย้ายฐานการผลิต: AMATA, PIN, ROJNA, WHA
- หวังรัฐบาลยกระดับเศรษฐกิจและตลาดทุน: ADVANC, BBIK, BDMS, BE8, BH, DELTA, GULF, INTUCH, KKP, MEDEZE, SCB, TISCO
- Bull Rally of Thai Capital Market: คาด SET Index จะได้ Sentiment หนุนจากการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณ อดีตนายกฯ ในงาน Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market วานนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความคาดหวังว่ารัฐบาลจะนำไปปรับใช้เป็นมาตรการ/นโยบายทางเศรษฐกิจ รวมถึงต่อตลาดทุนในระยะต่อไป โดยได้ชี้ถึงปัญหาของตลาดทุน ได้แก่ 1) เรื่องธรรมาภิบาล 2) High frequency trading 3) หน่วยงานกำกับแก้ปัญหาล่าช้า 4) ธุรกิจใน SET ส่วนใหญ่อยู่ใน Old economy และ 5) บริษัทมี P/E และ P/B ต่ำแต่ไม่ค่อยซื้อหุ้นคืน รวมถึง LTF ที่จะหมดอายุจะมีการต่อหรือไม่ และประเด็นที่เงินในระบบเศรษฐกิจที่ถูกดูดไปสู่ตลาดตราสารหนี้เป็นหลัก ส่งผลให้มีความคาดหวังว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการดำเนินนโยบาย/มาตรการเพื่อแก้ไข ปัญหาข้างต้น ขณะที่วิสัยทัศน์ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาของตลาดทุนในระยะต่อไป อาทิ 1) การส่งเสริมนวัตกรรมด้านใหม่อย่างเสต็มเซลล์ 2) การเชิญต่างชาติให้มาลงทุนในไทยมากขึ้น อย่างโครงการ Entertainment complex ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสที่บริษัทใหม่ๆ จะเข้ามาจดทะเบียนใน SET มากขึ้น โดยโครงการข้างต้นครม.ได้เห็นชอบในการร่างพ.ร.บ.ไปแล้ววานนี้ รวมถึงส่งเสริมการลงทุนขนาดอย่าง Data center และดึงดูด AI hub มายังไทย นอกจากนี้ ในด้านการดึงดูดการลงทุน BOI คาดว่ายอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 68 จะยังมีมูลค่าอยู่ในระดับเกิน 1 ล้านล้านบาท 3) การใช้ Bitcoin ในการชำระเงิน และ 4) การเปิดตลาด Carbon credit เป็นต้น
- ราคาน้ำมันดิบพุ่งต่อ: คาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 2.94% ปิดที่ $78.82 ต่อบาร์เรล โดยได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ที่ว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซีย จะส่งผลให้กลุ่มผู้ซื้อน้ำมันในอินเดียและจีนต้องหันไปพึ่งพาซัพพลายเออร์รายอื่นๆ
- US Bond yield ยังกดดัน: คาดทางขึ้นถูกลดทอนลงจาก US bond yield 2 และ 10 ปีที่อยู่ในระดับสูงที่ 4.4% และ 4.77% ตามลำดับ
+ ปัจจัยเพิ่มเติม –
(+) BOI เผยปี 67 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจำนวน 3,137 โครงการ เพิ่มขึ้น 40% y-y ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้ง BOI และมีมูลค่าเงินลงทุน 1.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% สูงสุดในรอบ 10 ปี
(+) PBOC ประกาศว่าจะเพิ่มเพดานการกู้ยืมเพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถกู้ยืมเงินจากต่างประเทศได้มากขึ้น โดยได้ปรับเพิ่มอัตราส่วนการกู้ยืมภายใต้การประเมินเศรษฐกิจมหภาคอย่างรอบคอบ (MPA) จากเดิม 1.5x เป็น 1.75x เท่าของสินทรัพย์สุทธิของบริษัท ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที
(-) FETCO เผยผลสำรวจในเดือนธ.ค.67 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับลงมาอยู่ในเกณฑ์ซบเซาที่ระดับ 78.52 ท่ามกลางความกังวลความขัดแย้งระหว่างประเทศ การนำเข้าส่งออกสินค้า และเงินเฟ้อ
PICKS OF THE DAY
KBANK BUY
- เป้าหมาย 164.50 / 167.50 แนวรับ 159.50
- เจ้าตลาดสินเชื่อ SME: KBANK เป็นธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านสินเชื่อ SME และเป็นธนาคารที่มีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อประเภทนี้เป็นอันดับ 1 โดยมีสัดส่วนถึง 29.6% ของสินเชื่อ SME ทั้งหมดของธนาคารทั้งหมดที่ทางฝ่ายทำการศึกษา ซึ่ง SME เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจ และมักจะได้ความช่วยเหลือจากมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล
- เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ: KBANK เป็นธนาคารที่ได้รับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยหากมี Fund flow ไหลเข้ามาลงทุนในกลุ่มธนาคาร KBANK มักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้าลงทุน
PTTEP BUY
- เป้าหมาย 130.00 / 133.00 แนวรับ 126.50
- Sentiment บวกจากราคาน้ำมัน : ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 75-80 USD/bbl นับตั้งแต่ต้นปี เทียบกับระดับ 75 USD/bbl ในช่วง 4Q67 สาเหตุเนื่องจากความกังวลในด้านอุปทานที่ลดลง หลังจากสหรัฐฯ เตรียมจะคว่ำบาตรธุรกิจน้ำมันของรัสเซีย ปัจจัยนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงนี้
- คาด 4Q67 กำไรโต : คาดการณ์กำไรสุทธิ PTTEP ใน 4Q67 อยู่ที่ 18,210 ลบ. +1.9%q-q จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ปรับลดลง นอกจากนี้มองว่ายังน่าสนใจในด้านปันผลด้วย Dividend Yield ที่น่าสนใจที่ระดับ 6-7% ในปี 68