KS Daily View 16.01.2025>>> S&P 500 ปรับตัวขึ้นเกือบ 2% ขานรับ Core CPI เร่งตัวขึ้นต่ำกว่าที่คาด หนุนมุมมองเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ด้านหุ้นไทยรีบาวด์หลังทดสอบโซนแนวรับสำคัญ คาดวันนี้ปรับตัวขึ้นได้หลัง Bond Yield สหรัฐฯ ปรับตัวลงมา มองกรอบ 1,340 – 1,380 แนะนำ MTC, CRC

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรง ดัชนี Dow Jones เพิ่มขึ้น 1.65%, S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.83% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 2.45% ปัจจัยหนุนมาจากตัวเลข Core CPI ที่ต่ำกว่าคาดเมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้าทำให้ตลาดมีความหวังการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมของเฟด นอกจากนี้หุ้นใหญ่ในกลุ่มการเงินอย่าง JPMorgan, Goldman Sachs, Wells Fargo และ Citi รายงานผลประกอบการดีกว่าคาด โดยรายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนเป็นปัจจัยสำคัญของผลประกอบการ

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,353.17 จุด หลังจากที่ลงไปแตะระดับต่ำสุดของวันที่ 1,334 ก่อนจะรีบาวด์ราว 20 จุด โดยมีปัจจัยสำคัญจากตัวเลข PPI ของสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาดและบรรยากาศที่ดีของตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียนภายหลังธนาคารกลางอินโดนีเซียปรับลดดอกเบี้ยลง หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นโดดเด่นจากราคาน้ำมันที่ยืนอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการย่อตัวลงเล็กน้อย กลุ่มค้าปลีกก็ปรับตัวขึ้นได้ดีขานรับมาตรการ Easy e-Receipt ที่จะเริ่มใช้ในวันนี้ และการแจกเงิน 10,000 บาท เฟสที่ 2 ในช่วงปลายเดือนนี้ ในขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กดดันดัชนีราว 4 จุด สำหรับวันนี้เรามองว่าตลาดน่าจะปรับตัวขึ้นได้ หลังจากเมื่อคืนนี้สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ Core CPI เพิ่มขึ้น 0.2% MoM ซึ่งต่ำกว่าที่คาด ทำให้ Bond Yield 10 ปี ปรับตัวลงจากบริเวณ 4.8% มาที่ 4.65% มองกรอบ SET ที่ 1,340 – 1,380 หุ้นแนะนำเป็น MTC, CRC

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สหรัฐฯ รายงาน CPI เดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วน Core CPI เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทำให้ค่าดอลลาร์อ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวลง
  • โครงการมอเตอร์เวย์ M8 ช่วงนครปฐม-ปากท่อ ระยะทาง 61 กิโลเมตร มูลค่า 61,154 ล้านบาท จะถูกเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ภายในไตรมาสแรกของปี 2568 โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ระบุว่าโครงการมีความพร้อมทั้งด้านการศึกษา ออกแบบ และผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว หากได้รับอนุมัติจะสามารถเปิดประมูลได้ปลายปี 2568 และเริ่มก่อสร้างในปี 2569 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนรูปแบบการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจากกังวลผลกระทบต่อเพดานหนี้สาธารณะ ส่วนเฟส 2 ช่วงปากท่อ-ชะอำ อยู่ระหว่างศึกษาทบทวนเพื่อปรับแนวเส้นทางใหม่ลดผลกระทบการเวนคืน
  • ไทยอนุมัติการผ่อนคลายกฎการขอวีซ่าระยะยาว (Long-term Resident Visa) สำหรับผู้เชี่ยวชาญและชาวต่างชาติที่มีฐานะ โดยยกเลิกเงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำต่อปีสำหรับผู้ขอวีซ่าประเภทพลเมืองโลกที่มีฐานะ ลดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของบริษัทที่ส่งพนักงานมาทำงานในไทยจาก 150 ล้านดอลลาร์เหลือ 50 ล้านดอลลาร์ และอนุญาตให้นำผู้ติดตามเข้ามาได้ไม่จำกัดจำนวน นอกจากนี้ยังขยายขอบเขตอุตสาหกรรมเป้าหมายและยกเลิกเงื่อนไขประสบการณ์ทำงาน 5 ปีสำหรับผู้เชี่ยวชาญ
  • สำนักงาน ก.ล.ต. ยืนยันจะไม่ยกเลิกการทำธุรกรรม Short sell เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในตลาดทุน แต่จะมีการประเมินผลมาตรการต่างๆ รวมถึง Uptick rule โดยใช้ที่ปรึกษาภายนอก คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 1/2568 นอกจากนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างศึกษามาตรการเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลการจำนำหุ้นของผู้บริหาร เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แม้ว่ามาตรการ Uptick rule จะส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายลดลง แต่ ก.ล.ต. เห็นว่าต้องเลือกใช้มาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์
  • ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps สู่ระดับ 5.75% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะคงดอกเบี้ย โดยมีเป้าหมายกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ว่าเงินรูเปียห์จะเผชิญแรงกดดันและอ่อนค่าลงก็ตาม ทั้งนี้ ผู้ว่าการ BI ระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์เงินเฟ้อที่จะอยู่ในระดับต่ำในปี 2568 และ 2569

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • MTC: ราคาพื้นฐาน 55.50 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ MTC จากหลายปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ แรงหนุนด้านความเชื่อมั่นจากการปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐหลังตัวเลข Core CPI ต่ำกว่าคาด และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2568 นอกจากนี้คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะเติบโตทั้งเทียบปีก่อนและไตรมาสก่อน จากการเติบโตของสินเชื่อที่ 15% สำหรับทั้งปี 2567 และต้นทุนทางเครดิตที่กลับสู่ภาวะปกติหลังปรับปรุงพอร์ตสินเชื่อ โดยคาดต้นทุนทางการเงินจะเริ่มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 และประเมินว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากมติคณะรัฐมนตรีล่าสุดจะมีผลกระทบจำกัดต่องบการเงิน

  • CRC : ราคาพื้นฐาน 39.00 บาท

เราแนะนำเก็งกำไรหุ้น CRC เนื่องจากจะได้ประโยชน์จากโครงการ Easy e-receipt ที่เริ่ม 16 มกราคม ซึ่งให้ใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ 50,000 บาท แบ่งเป็นสินค้าทั่วไป 30,000 บาท และสินค้า OTOP ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชนในห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ยังจะได้ประโยชน์จากเงินดิจิทัลเฟส 2 ที่จะเริ่ม 29 มกราคม และเฟส 3 ในเดือนเมษายน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อ SSSG ตั้งแต่ไตรมาส 1/2568 เป็นต้นไป คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะแข็งแกร่งกว่าคาดจากการกลับมาเปิดให้บริการของเซ็นทรัลชิดลมและรีนาเซนเต้ที่อิตาลี พร้อมโอกาสได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าที่อาจลดลงในอนาคต และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากมีเงินกู้อัตราลอยตัวถึง 90%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของสหรัฐ (US Retail Sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.5% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.7% MoM และปิดท้ายด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.01 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอย่าง GDP 4Q24 ตลาดคาดการณ์ที่ 5.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 4.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 5.4% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และดัชนียอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.0% YoY
- Advertisement -