SMART เผยแผนธุรกิจปี 2568 มุ่งเน้น ESG และนวัตกรรมอิฐมวลเบารักษ์โลก ตอบโจทย์เทรนด์อสังหาฯยุคใหม่
SMART พร้อมเดินหน้าสู่ปี 2568 เผยแผนธุรกิจ พัฒนานวัตกรรมอิฐมวลเบารักษ์โลก ตอบโจทย์เทรนด์การก่อสร้างที่อยู่อาศัยยุคใหม่ คุณภาพสูง ประหยัดพลังงาน ปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยหลักการ ESG สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและนักลงทุน เดินหน้าขยายฐานลูกค้าด้วยกลยุทธ์ดิจิทัล มุ่งเน้นทำการตลาดออนไลน์ เพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ดีลเลอร์ ขยายฐานลูกค้าทั่วประเทศ มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดวัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ประมาณ 600 ล้านบาท
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีความผันผวน ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีความท้าทาย แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวและเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคได้
สำหรับทิศทางธุรกิจปี 2568 บริษัทพร้อมเดินหน้าธุรกิจ ด้วยวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดวัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน และตอบสนองความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนองค์กรตามหลักการ ESG (Environmental, Social, Governance) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตอบโจทย์เทรนด์การก่อสร้างที่อยู่อาศัยยุคใหม่
มุ่งเน้นนวัตกรรมอิฐมวลเบารักษ์โลก โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัยปัจจุบัน ซึ่งให้ความสำคัญกับดีไซน์ที่สวยงาม ควบคู่กับคุณสมบัติ ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อสุขภาพ และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ โดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาตกแต่งให้มีความหลากหลาย ทั้งลายที่เรียบง่ายและทันสมัย ไปจนถึงลายที่ซับซ้อนและมีเอกลักษณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่างๆได้อย่างครอบคลุม
อีกทั้ง ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เน้นการโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ สร้างการรับรู้ในวงกว้าง เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ได้แก่ Facebook Instagram Line @ ที่ผ่านมามีกระแสตอบรับที่ดี ช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่าย เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว
ขณะที่ ช่องทางออฟไลน์ ยังคงดำเนินกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ได้แก่ ดีลเลอร์ ผู้รับเหมา เจ้าของบ้านและสถาปนิก ผ่านกิจกรรมสัมมนา การโปรโมทสินค้า และการร่วมงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางการขายมากขึ้นปัจจุบัน มีวางจำหน่ายใน โกลบอลเฮ้าส์ 73 สาขา ดูโฮม 25 สาขา ร้านไทวัสดุ ที่ขยายสาขาแล้วมากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ และมีแผนในการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึง ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย (Dealer) ประมาณ 140 ราย
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐอยู่ที่ 10 % ภาคเอกชน 90 % สำหรับเป้าหมายการเติบโตของบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ประมาณ 600 ล้านบาท