ยังไม่ได้ปักดาบลงมา / 1,330-1,350
SET แกว่งตัวออกข้าง : แรงกดดันจากทิศทางนโยบายเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปของสหรัฐฯ หากแต่มีแรงพยุงจากความคลายกังวลสงครามการค้าในระยะสั้น รวมถึงมาตรการภายในประเทศและการเก็งกำไรงบ 4Q67
กลยุทธ์การลงทุน
- เก็งงบ 4Q67: ADVANC, AMATA, BBL, KBANK, KTB, TCAP, NER, STA
- Easy E-Receipt: CPALL, CPAXT, CRC, CPF, DOHOME, HMPRO, TRUE, SNNP
- สะสมหุ้นกลุ่ม Dividend + REITS: FTREIT, LHHOTEL, LHSC, SIRI, TASCO, TISCO, TIW, WHAIR, WHART
- เก็งกำไรฝั่ง Short: LH, PTTGC, PRM, SCGP, SPRC, THANI, TTA
ยุคทองของสหรัฐฯกำลังจะเริ่มขึ้น: คาดแรงกดดันมาจากนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา คุณโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งปธน.สหรัฐฯคนที่ 47 โดยในการกล่าวสุนทรพจน์มีนโยบายที่มีแนวโน้มเป็น Sentiment กดดันต่อ SET Index อาทิ การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติ เพื่อลดราคาพลังงานในสหรัฐฯ ด้วยการเพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน วางท่อน้ำมัน และตั้งโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งทางฝ่ายมองจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ภายใต้แนวคิด America first ของปธน.สหรัฐฯ อาจส่งผลให้เห็นภาพ Fund flow ไหลออกจากตลาดอื่นๆ รวมถึงไทย เพื่อเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มได้ Sentiment หนุนจากนโยบายทางเศรษฐกิจภายใต้ปธน.สหรัฐฯคนที่ 47
คลายกังวลสงครามการค้าในระยะสั้น: แม้ปธน.สหรัฐฯจะมีการเผยถึงการยกเครื่องระบบการค้าสหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีอากรจากต่างประเทศเพื่อสร้างความร่ำรวยต่อชาวอเมริกัน แต่ยังไม่มีการประกาศขึ้นภาษี โดยเป็นเพียงการสั่งศึกษานโยบายการค้า ส่งผลให้ทางฝ่ายมองเป็น Sentiment ทางบวก ท่ามกลางความคลายกังวลต่อสงครามการค้าในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยข้างต้นยังคงต้องติดตาม โดยบริบทของการค้าไทยท่ามกลางสงครามการค้าทางฝ่ายมอง Base case มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากการส่งออกไปสหรัฐฯ แต่อาจโดนจีนแย่งตลาดอื่น รวมถึงทุ่มตลาดไทย และใน Worst case จากการที่ไทยอยู่ในอันดับ 2 ของ Trump Risk Index ไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางลบเป็นหลัก โดยแตกต่างจาก Base case คือ มีแนวโน้มเสียส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯแทน เป็นต้น
หวังแรงจาก E-Receipt และแรงเก็งงบ 4Q67: นอกจากนี้คาด SET Index ยังมีแรงพยุงจากมาตรการทางเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่าง Easy E-Receipt 2.0 ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอย อีกทั้งคาดจะได้แรงหนุนจากการเก็งกำโรงบ 4Q67 ซึ่งคาดว่าวันนี้จะเป็นวันเผยงบวันสุดท้ายของกลุ่มธนาคาร โดยติดตามงบของ BBL, KBANK, KTB และ SCB ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ Real sectors ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
+ ปัจจัยเพิ่มเติม –
(+) กกพ.ประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเอกชนรายเล็กเฉพาะมีสัญญาซื้อขายกับการไฟฟ้าระยะ 2 ปี ตั้งแต่ปี 2568-2569 เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน กำหนดราคารับซื้อกลุ่มเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และขยะ 2.20 บาท กลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ 1 บาท
(+) กรมการค้าต่างประเทศเผยรัฐสภายุโรปมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาบังคับใช้คฎหมาย EUDR จากเดิมออกไปอีก 12 เดือน โดยจะเริ่มมีผลวันที่ 30 ธ.ค.68 สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก จะให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.69 เป็นบวกต่อผู้ส่งออกยาง
(+) บอร์ดอีอิซีเผยลุ้นบอร์ด รฟท.อนุมัติร่างสัญญาฉบับแก้ไขของโครงการโฮสปิด 3 สนามบินในวันที่ 29 ม.ค. 68 นี้ และในลำดับถัดไปจะส่งต่อให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ คาดว่าจะทำให้สามารถน้ำโครงการเข้าเสนอต่อที่ประชุมครมในเดือนมี.ค.-เม.ย.68 นี้
PICKS OF THE DAY
STA BUY
- เป้าหมาย 17.10 / 17.60 แนวรับ 16.40
- คาดปริมาณขายยาง 4Q67 โต q-q : STA คาด 4Q67 ปริมาณการขายยางเพิ่มขึ้น q-q ทางฝ่ายคาดกำลังการผลิต 4Q67 ราว 400,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำลังการผลิต 380,565 ตัน หนุนจากความต้องการในอุตสาหกรรมล้อรถยนต์
- ASP เร่งตัวสูงขึ้น : ทางฝ่ายคาดราคาขายเฉลี่ย หรือ ASP ปรับตัวสูงขึ้น ตามราคายางในตลาด SICOM ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น q-q ส่วน Supply ช่วง 4Q67 ทางฝ่ายคาดทรงตัว เนื่องจากปัจจัยด้านน้ำท่วมและการระบาดของโรคเชื้อราในบางพื้นที่
LH Short
- เป้าหมาย 4.48 / 4.58 แนวต้าน 4.82
- คาด Presale 4Q67 อ่อนตัว: คาด 4Q67 Presale 4.1 พันลบ. อ่อนตัว y-y และ q-q จากในช่วง 3Q67 มีเปิดตัวคอนโด วันเวลา ณ เจ้าพระยา เฟสใหม่ ทำให้ยอดขายคอนโดใน 4Q67 อ่อนตัวลง แต่ทำยอดขายทั้งปี 1.87 หมื่นลบ. -19%y-y คาดกำไร 4Q67 ฟื้นตัว q-q ได้ดี มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT แต่คาดกำไรสุทธิทั้งปี 67 อยู่ในช่วง 5.5-6.0 พันลบ. –24%y-y
- ตลาดอสังหาฯยังไม่ฟื้นตัว: คาดปี 68 มูลค่าเปิดโครงการใหม่ลดลง จำเป็นต้องมีการระบายสต๊อก อาจกระทบต่อยอดขายในปี 68 ขณะที่ตลาดอสังหาฯยังมีการแข่งขันด้านราคาอยู่ในปีนี้ มองว่าปัจจุบันตลาดอสังหาฯยังไม่ฟื้นตัว
