KS Daily View 22.01.2025 >>> S&P 500 ปิดเหนือ 6,000 จุด หนุนจากนโยบายทรัมป์ มองกรอบ SET วันนี้ 1,340 – 1,370 แนะนำ MOSHI, CPAXT

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นขานรับโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ดัชนี Dow Jones เพิ่มขึ้น 1.24%, S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.88% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.64% โดยตลาดได้แรงหนุนจากการที่ทรัมป์ตัดสินใจยังไม่ขึ้นภาษีนำเข้าในทันทีช่วยลดความกังวลในภาคการค้าและเงินเฟ้อ รวมถึงการส่งเสริมธุรกิจและยกเลิกข้อจำกัดในภาคธุรกิจ เช่น การร่วมมือกับ SoftBank, OpenAI และ Oracle ในการเปิดตัวโครงการลงทุนครั้งใหญ่ใน AI ที่มีว่า Stargate โดยมีมูลค่าเริ่มที่ 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจเพิ่มเป็น 500,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 4 ปี และจัดตั้งหน่วยงาน Crypto Task Force เพื่อสร้างกฎระเบียบที่ชัดเจน ซึ่งช่วยส่งเสริมความมั่นคงและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมคริปโต

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,352.53 จุด ปรับตัวขึ้น 12 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 38,000 ล้านบาท หลังจากมีปัจจัยบวกจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง อย่างที่ตลาดคาด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าและหนุนค่าเงินบาทแข็งค่า รวมถึงกดให้ Bond Yield ปรับตัวลงด้วย วานนี้ตลาดรีบาวด์นำโดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โรงไฟฟ้า การเงิน และท่องเที่ยว ในขณะที่กลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับลงจากการที่ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติเพื่อลดราคาพลังงาน ผ่านการอนุมัติการขุดเจาะน้ำมัน วางท่อส่งน้ำมัน สร้างโรงกลั่นและโรงไฟฟ้าใหม่ ทำให้เกิดความกังวลในด้านอุปทานส่วนเกิน เราคาด SET น่าจะรีบาวด์ได้ต่อจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง มองกรอบที่ 1,340 – 1,370 หุ้นแนะนำเป็น MOSHI, CPAXT

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.รมช.คลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ยืนยันการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทเฟส 3 จะจ่ายเต็มจำนวนภายในเดือนเมษายน 2568 ตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2568 วงเงิน 1.87 แสนล้านบาท ซึ่งหลังหักส่วนที่จ่ายให้ผู้สูงอายุในเฟส 2 แล้ว จะเหลืองบประมาณราว 1.57 แสนล้านบาทสำหรับเฟส 3 ขณะที่เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปราว 4 ล้านราย จะเริ่มโอนเงินวันที่ 27 มกราคมนี้ โดยสามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม

2.ครม.มีมติอนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็น 29,763.57 ล้านบาท จากเดิม 29,449.31 ล้านบาท เนื่องจากค่าเวนคืนที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้นและมีพื้นที่บางส่วนที่ตกสำรวจ โดยปรับเพิ่มเฉพาะค่าเวนคืนที่ดินของสัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร และสัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ อีก 197.37 ล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินค่าเวนคืนเพิ่มจาก 56 ล้านบาท เป็น 253.37 ล้านบาท

3.ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ ที่ขยายขอบเขตอำนาจให้ กทท.สามารถดำเนินกิจการอื่นนอกเหนือจากท่าเรือ รวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การจัดตั้งบริษัท และการร่วมลงทุนกับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและการบริหาร เปลี่ยนชื่อตำแหน่งจากผู้อำนวยการเป็นผู้ว่าการ ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้อาจเป็นการเตรียมรองรับการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนในพื้นที่ของการท่าเรือฯ ในอนาคต

4.ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศแผนขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศคู่ค้าหลัก โดยจะขึ้นภาษี 25% กับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเริ่ม 1 กุมภาพันธ์ เนื่องจากปัญหาผู้อพยพและยาเสพติด และพิจารณาขึ้นภาษี 10% กับสินค้าจากจีนในวันเดียวกัน โดยอ้างว่าจีนส่งยาเฟนทานิลไปยังเม็กซิโกและแคนาดา ทั้งนี้แคนาดาได้เตรียมรายการสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 105 พันล้านดอลลาร์สำหรับตอบโต้ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าการขึ้นภาษีดังกล่าวจะกระทบอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ อย่างหนัก และอาจทำให้ราคารถใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ดอลลาร์

5.ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศโครงการลงทุนด้าน AI ร่วมกับ Softbank, OpenAI และ Oracle โดยตั้งเป้าลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์ทันที และจะเพิ่มเป็น 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงการ AI โดยมี Microsoft และ Nvidia ร่วมด้วย ทรัมป์ระบุว่าจะใช้การประกาศภาวะฉุกเฉินและคำสั่งบริหารเพื่อเร่งโครงการก่อสร้างและการเข้าถึงพลังงาน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

MOSHI : ราคาพื้นฐาน 56.10 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ MOSHI โดยคาดการณ์กำไรไตรมาส 4/2567 จะแข็งแกร่ง เติบโต 28.8% จากปีก่อนและ 78.2% จากไตรมาสก่อน จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เติบโต 15% ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น 30.5% จากปีก่อน ทะลุ 1 พันล้านบาทเป็นไตรมาสแรก ประกอบกับการเปิด 5 สาขาใหม่ และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 50 bps จากไตรมาสก่อน หากไม่รวมผลขาดทุนจากกิจการร่วมค้า อัตรากำไรขั้นต้นหลักจะเติบโต 1% จากไตรมาสก่อน พร้อมสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายที่ลดลง สำหรับปี 2568 ตั้งเป้าเปิด 40 สาขา คงเป้ารายได้เติบโต 15-20% และขยายอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 60% โดย SSSG ในสองสัปดาห์แรกของปียังเติบโต 3-4%

CPAXT : ราคาพื้นฐาน 39.30 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแผนกลยุทธ์ปี 2568 และผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ของ CPAXT โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตรายได้ในระดับเลขหลักเดียวสูง (High Single Digit) พร้อมเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 60 bpsในปีหน้า และมุ่งเน้นการเติบโตผ่านช่องทาง omnichannel ที่คาดว่าจะมีอัตราการเข้าถึงเกิน 20% เทียบกับ 18% ในปี 2567 นอกจากนี้คาดการเติบโตของ EBITDA ในระดับสองหลัก และประโยชน์จากการควบรวมกิจการที่จะสร้าง Synergy Value ราว 5,200 ล้านบาท ทั้งจากการประหยัดต้นทุนและการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 50 bps โดยจะรับรู้ทั้งหมดในงบกำไรขาดทุนภายใน 2 ปี สำหรับไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโต 19.9% จากปีก่อน จากรายได้ที่เติบโต 6% และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 90 bps จากปีก่อน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันพุธ ติดตามการให้สัมภาษณ์ของทางประธาน ECB Christine Lagarde ใน World Economic Forum ที่เมือง Davos

วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนีความเชื่อมันของผู้บริโภคของยุโรป (EU CCI) เดือน ม.ค. ตลาดคากการณ์ที่ -14.3 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่-14.5 จุด และปิดท้ายด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.17 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.4% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% YoY ต่อด้วยการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ตลาดคาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ระดับ 0.50% จากเดิมที่ 0.25% และปิดท้ายด้วยตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ (US Existing Home Sale) เดือน ธ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.20 ล้านหลัง ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.15 ล้านหลัง

- Advertisement -