KS Daily View 27.01.2025 >>> มอง SET Sideway แม้บาทแข็งหนุนแต่ Tariff สหรัฐฯ-โคลอมเบียอาจกดดัน มองกรอบ SET วันนี้ 1,330 – 1,365 จุด หุ้นแนะนำ KKP, CRC
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,320-1,360 จุด มองแนวโน้มหลักยังอยู่ในกรอบขาลง แต่ความเสี่ยงเชิงลบน่าจะจำกัดจากการที่ดัชนีปรับตัวลงมาแล้วกว่า 3% ตั้งแต่ต้นปี และเริ่มสร้างฐานที่บริเวณ 1,340 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจาก 10Y US Bond Yield และค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มปรับตัวลง ซึ่งสะท้อนความคาดหวังของตลาดต่อทิศทางนโยบายการเงินที่อาจผ่อนคลายลง ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุม FOMC ที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% แต่ให้ติดตามมุมมองของเฟดต่อเงินเฟ้อและความเสี่ยงหลังโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง, การประชุม ECB ที่คาดว่าจะมีการลด Deposit Rate ลง 25 bps ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าและหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้กลับมาแข็งค่าได้ และการรายงานผลประกอบการของ SCC ที่คาดว่าจะพลิกกลับมาขาดทุนและ PTTEP ที่คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า หุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้ เน้นหุ้นที่มีพัฒนาการของผลประกอบการที่ดีและมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว KKP CRC BCH BA BBIK
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,354.07 จุด ปรับตัวขึ้นราว 10 จุด กลับมาปิดบวกรายสัปดาห์ได้เป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากลบมา 3 สัปดาห์ก่อนหน้า ปัจจัยบวกมาจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์กดดันให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย และท่าทีที่ประนีประนอมกับจีนเกี่ยวกับการที่ยังไม่ต้องการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ช่วยหนุนบรรยากาศเชิงบวก นำโดยหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี มองวันนี้ตลาด Sideway ที่กรอบ 1,330 – 1,365 แม้ค่าเงินบาทแข็งค่าในช่วงสุดสัปดาห์จะเป็นแรงหนุน แต่มีแรงกดดันจากการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้น Tariff 25% ต่อโคลอมเบียในช่วงเช้าที่ผ่านมา หุ้นแนะนำเป็น KKP, CRC
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ประกาศเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมดภายในปีนี้ หลังจากที่เพิ่งลงนาม FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ซึ่งประกอบด้วยสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ระหว่างการประชุม WEF ที่ดาวอส นอกจากนี้ยังได้พบนักลงทุนต่างชาติเพื่อหารือโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ศูนย์ข้อมูล และพลังงานสีเขียว รวมถึง DP World บริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ที่สนใจลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์มูลค่า 1 ล้านล้านบาท
- กระทรวงคมนาคมเริ่มเดินเครื่องหัวเจาะอุโมงค์โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ สัญญาที่ 4ช่วงสะพานพุทธ-ดาวคะนอง โดยมีความก้าวหน้างานโยธาในภาพรวม ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ 47.95% และมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2572 โครงการนี้มีระยะทางรวม 23.63 กิโลเมตร ประกอบด้วยสถานีใต้ดิน 10 สถานีและสถานียกระดับ 7 สถานี โดยใช้หัวเจาะอุโมงค์รวม 7 หัว ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ ฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ และเข้าสู่จังหวัดสมุทรปราการได้สะดวกขึ้น
- ผู้ประกอบการด้านไอทีและอีคอมเมิร์ซได้รับประโยชน์จากโครงการ Easy E-Receipt ของรัฐบาล ที่อนุญาตให้นำยอดซื้อสินค้าสูงสุด 50,000 บาทระหว่างวันที่ 16มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดย Advice รายงานยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นสองหลักในสัปดาห์แรก TikTok Shop มีร้านค้าสนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น 4 เท่า และ Shopee รายงานยอดขายเพิ่มขึ้น 80% ในช่วง 7 วันแรกของโครงการ ขณะที่ IT City คาดว่าช่วงพีคจะอยู่ในสองสัปดาห์สุดท้ายของโครงการ
- ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทีประนีประนอมมากขึ้นต่อจีน โดยกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่าไม่อยากใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้า แม้จะยังคงใช้เป็นเครื่องมือต่อรอง ซึ่งแตกต่างจากช่วงหาเสียงที่เคยขู่จะเก็บภาษีถึง60% นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้ผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ต่อจีน ทั้งการให้เวลา TikTok เพิ่มเติม การลดระดับความกังวลด้านความมั่นคง และการต้อนรับรองประธานาธิบดีฮั่น เจิ้ง ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้เข้าร่วมพิธีดังกล่าว
- ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศมาตรการคว่ำบาตรและเก็บภาษีนำเข้า 25% จากโคลอมเบีย และจะเพิ่มเป็น 50% ภายในหนึ่งสัปดาห์ หลังจากประธานาธิบดีเปโตรปฏิเสธไม่ให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ ที่บรรทุกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศลงจอด การตัดสินใจนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศที่มีมายาวนาน และอาจส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโคลอมเบีย โดยสินค้าส่งออกหลักที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ น้ำมัน ทองคำ กาแฟ และดอกไม้ ทั้งนี้ เปโตรตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ25% เช่นกัน
Daily pick
KKP: ราคาพื้นฐาน 57.50 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ KKP โดยคาดว่าผลขาดทุนรถยึดจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2568 นี้ จากดัชนีราคารถมือสองที่หยุดลงและมีการปรับเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีที่ผ่านมา หลังจากปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2565 โดยคาดว่าCredit Cost มีโอกาสปรับตัวลดลงอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2.2-2.4% และ Asset Quality มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นจาก Stage 2 ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ที่มีการปรับตัวลดลง นอกจากนี้คาดว่า KKP จะมีโอกาสทำ Capital Management เพิ่มเติม หลังจากตั้งเป้าการเติบโตของ Loan Growth ในระดับคงที่ รวมถึงมีแนวโน้ม Fee Income ที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจากปี 2567 โดยเฉพาะจากธุรกิจ Capital Market และ Agency Business
CRC : ราคาพื้นฐาน 39.00 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CRC โดยคาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ทั้งจากมาตรการ Easy e-Receipt (16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์) และมาตรการแจกเงินดิจิตอลเฟส 2 และ 3 (27 มกราคมและช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2568) นอกจากนี้ CRC ยังคงดำเนินกลยุทธ์ประหยัดต้นทุน โดยตั้งเป้าให้ค่าใช้จ่าย SG&A เติบโตน้อยกว่ารายได้ และจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจากมีหนี้สินที่เป็น Floating-Rate ประมาณ 90% รวมถึงการกลับมาเปิดของห้างเซนทรัลชิดลมและรีนาเซนเตในปลายปี 2567 ซึ่งจะเป็นตัวเสริมรายได้ให้กับกลุ่ม Fashion ที่มี High Margin
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันจันทร์ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีน (China NBS PMI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 50.1 จุดทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่อด้วยตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ (US New home sale) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 6.70 แสนหลังปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.64 แสนหลัง
วันอังคาร ติดตามคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (US Durable Goods Orders) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.50% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -1.2% MoM ต่อด้วยรายงานดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ (Richmond Manufacturing Index) เดือน ม.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -10 จุด
วันพุธ ติดตามผลการประชุม FOMC โดยตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.50%
วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนีความเชื่อมันของผู้บริโภคของยุโรป (EU CCI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ -14.3 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -14.5 จุด ต่อด้วยการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่คาดว่าจะมีการปรับลด Deposit Rate ลง 25 bps จาก 3.00% เหลือ 2.75%, การรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.17 แสนตำแหน่ง และ GDP 4Q24 รอบแรกของสหรัฐฯ ที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว +2.7% QoQ ชะลอตัวลงจากที่เคยขยายตัว +3.1% QoQ ใน 3Q24
วันศุกร์ ติดตามรายงานตัวเลขส่งออกจากธปท. (TH Export)เดือน ธ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.1% YoY และตัวเลขนำเข้าเดือน (TH Import) ธ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.3%YoY และตัวเลขของสหรัฐ ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE Price Index) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.8% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่อด้วยดัชนีรายได้ส่วนบุคคล (Personal Income) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.3% MoM และดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal Spending) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.5% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.4%MoM