บล.กสิกรไทย: 

กลุ่มค้าปลีก : แนวโน้มค้าปลีกและค้าส่งในปี 2568

  • เราเชิญ ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ กรรมการบริหารสมาคมค้าปลีกไทย ร่วมประชุมออนไลน์สำหรับลูกค้าสถาบันในประเทศ เพื่อขอข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับแนวโน้มการขายปลีกและขายส่งสำหรับปี 2568
  • แนวโน้มขายปลีกปี 2568 ดร.ฉัตรชัย คาดยอดขายปลีกจะโต 3-5% ไปแตะ 4.4 ล้านลบ. หนุนโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่เติบโต 5-7% (รวมห้างสรรพสินค้า ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น) จาก 4-6% ในปี 2567 กลุ่มอาหารและร้านอาหารเติบโต 5-7% จาก 4-6% ในปี 2567 ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และกลุ่มสินค้าจำเป็นเติบโต 2-4% (รวมร้านสะดวกซื้อ หรือ CVS หรือ ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต) ดีขึ้นจาก 0-3% ในปี 2567 ขณะที่กลุ่มตกแต่งบ้านมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงที่ 2-3% สอดคล้องกับปี 2567 ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการใช้จ่ายขายปลีกในปี 2568 ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังคงดำเนินต่อไป การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ และการเติบโตของการท่องเที่ยว
  • กลยุทธ์สำคัญสำหรับผู้ขายปลีก ดร.ฉัตรชัย เน้นถึงความกังวลหลายประการสำหรับผู้ค้าปลีกในปี 2568 ได้แก่ การใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่ลดลง หนี้ครัวเรือนและ SME ที่สูง ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น และความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์และการเมือง เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ผู้ขายปลีกควรให้ความสำคัญกับการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เพื่อปรับใช้แผนการขยายธุรกิจอย่างระมัดระวัง รักษาการจัดการเงินสดและสต๊อกสินค้าอย่างใกล้ชิด แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ ดร.ฉัตรชัยยังหวังว่าอำนาจซื้อของผู้บริโภค แม้ว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายจะระมัดระวังมากขึ้น นอกจากนี้ เราคาดว่าสินค้านำเข้าจากจีนจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ขายปลีกสมัยใหม่ในประเทศ เนื่องจากยังมีความกังวลด้านคุณภาพหอย่างต่อเนื่อง
  • มาตรการ Easy E-receipt เราคาดว่ามาตรการ “Easy E-Receipt” ในช่วงวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ.2568 จะช่วยกระตุ้นการบริโภค เงื่อนไขหลักของมาตรการนี้ถูกปรับเงื่อนไขการใช้จ่ายเงิน โดยจำนวน 20,000 บาทจากทั้งหมด 50,000 บาท ต้องใช้จ่ายกับสินค้า OTOP นอกนี้มีการคาดการณ์ว่าผู้เข้าร่วมโครงการนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้มีผู้เสียภาษีแค่ 1.2 ล้านคน ที่ขอลดหย่อนภาษีภายใต้โปรแกรม E-receipt เมื่อปีที่แล้ว แต่คาดจำนวนผู้เสียภาษีจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ มีจำนวนผู้เสียภาษีมากถึง 2 ล้านคน ที่เข้าร่วมโปรแกรมเดียวกันในปี 2563 ผู้ค้าปลีกมีความพร้อมมากขึ้นในการรองรับระบบ E-receipt เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีเพียงแค่ผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม ทำให้คาดโครงการนี้จะส่งผลบวกโดยรวมต่อผลการดำเนินงานของกลุ่มค้าปลีกในปี 2568

KS มองเชิงบวก

  • เราคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีก เราเชื่อว่าการประเมินมูลค่าปัจจุบันของกลุ่มพาณิชย์โดยรวมนั้นไม่สูงมากนัก ในขณะที่กำไรรวมคาดว่าจะเติบโตประมาณ 11% YoY ขณะที่ BJC น่าจะเติบโตสูงสุดที่ 30% ตามฐานที่ต่ำผิดปกติในปี 2567

หุ้นเด่น กลุ่มค้าปลีก

  • CPALL “ซื้อ” TP 78.00 บาท
  • CRC “ซื้อ” TP 39.00 บาท

**Same Store Sales Growth (SSSG) หรือ การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม

- Advertisement -