บล.กรุงศรีฯ:
เก่งหลังเกมส์
SET Index -13.3 จุด -0.97%) ปิดที่ระดับ 1,340.9 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.06 หมื่นล้านบาท ดัชนีปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชีย Sector ที่ปรับลงกดดัชนีคือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, CCET) กลุ่มโรงพยาบาล (BH) กลุ่มขนส่ง (AOT) หุ้นกลุ่มที่หนุนดัชนี คือ กลุ่มธนาคาร (KTB, BBL, SCB, KBANK) กลุ่มปิโตรเคมี (IVL) กลุ่ม ICT (ADVANC) ฯลฯ
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น /แข็งแกว่าตลาด คือ
BH -5.11%
ราคาหุ้นปรับลงแรง คาดกำไรสุทธิ 4Q24F (+3%y-y แต่ -9%q-q) เรายังคำแนะนำเป็น Buy สำหรับ BH (TP 260) เนื่องจาก Valuation น่าสนใจจากราคาหุ้นซื้อขาย PE ปี 25F ที่ 20 เท่า เทียบเท่า Forword PE -1.0SD ส่วนปัจจัยฟื้นฐานมีจุดเด่นด้านศักยภาพการรักษาโรคยากซับซ้อน และบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คาดมี Net margin สูงสุดในกลุ่ม รพ. ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำรอราคาหุ้นสร้างฐานและไม่ทำ New Low ใหม่ก่อน มองแนวต้าน 186.0
DELTA – 6.1% , KCE -2.6% HANA -3.67%
ปรับลดลงวันนี้ หลักๆ จากจิตวิทยาลบจากข่าว DeepSeek ของจีน สามารถประมวลผลได้ฉลาดกว่าหรือใกล้เคียงกับ ChatGPT ใช้ต้นทุนน้อยกว่า โดยรวมทำให้ตลาดกังวลว่าจะกระทบต่อรายได้ของ NVIDIA ในอนาคต เป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่ม Semiconductor และหุ้นชิ้นส่วนไทย ในเชิงจิตวิทยา
ERW +2.4%
กำไรหลัก 4Q24F จะขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ผสาน เราปรับเพิ่มประมาณการ 3-8% และดีต่อเนื่องใน 1Q25F จากแรงหนุนฤดูกาล ผสาน ตรุษจีนปี 2025 คึกคัก ขณะที่ผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ใหม่และสูงกว่าปี 2019 ปัจจุบันเคาน์เตอร์ซื้อขายที่ 18x FY25F PER เทียบกับ 33x ในปีงบฯ 2019
CPALL +0.45%
แรงหนุนจาก วันนี้ 27 ม.ค. รัฐฯเริ่มจ่ายเงิน Digital Wallet เฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 3 ล้านคน มูลค่า 3.0 หมื่นล้านบาท บวกต่อ CPALL คาดการณ์แนวรายได้บริษัทจะดีขึ้น
TOP ทรงตัว
ราคาหุ้นช่วงเช้าปรับขึ้นแรงรับ มุมมอง Positive ต่อการที่ TOP แจ้งสามารถบังคับหลักประกันฯ จากผู้รับเหมาฯหลักทำงานก่อสร้างไม่ได้ตามสัญญาฯ ราว 12,339 ลบ. คาดช่วยลดภาระต้นทุนส่วนเพิ่มโครงการ CFP ได้ ราว 15%คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้น 5 บาท vs ราคาหุ้นที่เพิ่งปรับเพิ่ม 1-1.5 บาท ผสาน ค่าการกลั่นฟื้นตัวแรงวันศุกร์ ค่าการกลั่น ณ โรงกลั่นสิงคโปร์ ปิดล่าสุด 24 ม.ค. พลิก เพิ่มขึ้น (+590%d-d หรือ +1.84$ จากวันก่อน