บล.กสิกรไทย:
Ground Transportation Sector ไม่มี Upside จากนโยบายรถไฟฟรี
- เมื่อวันที่ 24 ม.ค. กระทรวงคมนาคมประกาศนโยบายรถไฟฟรีทุกเส้นทางและรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ใช้งบประมาณรวม 140 ลบ.
- งบประมาณรวม 140 ลบ. จะอุดหนุนเฉพาะรถไฟฟ้าของ รฟท. และ รฟม. เท่านั้น ไม่รวมรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ กทม.
- ไม่มี upside ใดๆ จากนโยบายนี้ เนื่องจากรัฐบาลจะอุดหนุนตามปริมาณการจราจรในช่วง 7 วันก่อนการบังคับใช้นโยบาย
Highlights
- มีอะไรใหม่? เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ประกาศนโยบายรถไฟและรถเมล์ฟรีในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ถึง 31 ม.ค. โดยแผนดังกล่าวจะอุดหนุนรถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟทุกสาย แต่จะไม่รวมรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว เนื่องจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้ดูแลสัมปทานโครงการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว โดยตั้งงบประมาณสำหรับนโยบายดังกล่าวไว้ที่ 140-150 ลบ. โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหามลพิษ PM2.5 โดยเว็บไซต์ข่าวหุ้นรายงานว่า กรมการขนส่งทางรางระบุว่าปริมาณการจราจรในวันที่ 25 มค. เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับปริมาณการจราจรเฉลี่ยในวันเสาร์ของเดือนนี้ หลังจากนโยบายดังกล่าวมีผลบังคับใช้
- สถิติปริมาณการจราจร จากข้อมูลปริมาณการจราจรในเดือน ธ.ค. BEM รายงานว่าปริมาณการจราจรเฉลี่ยของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอยู่ที่ 458,000 เที่ยวต่อวัน กระทรวงคมนาคมรายงานปริมาณการจราจรเฉลี่ยของรถไฟฟ้าสายสีชมพู/รถไฟฟ้าสายสีเหลือง/รถไฟฟ้าสายสีม่วง/รถไฟฟ้าสายสีแดง/รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ในเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 55,000/43,000/65,000/33,000/62,000 เที่ยวต่อวัน โดยเราใช้ข้อมูลปริมาณการจราจรรวมกับอัตราค่าโดยสารเฉลี่ยของแต่ละเส้นทางและรายได้เฉลี่ยต่อวันของ ขสมก. เราประเมินว่าจำนวนเงินอุดหนุนจะอยู่ที่ 179 ลบ. โดยไม่รวมเส้นทางที่ดำเนินการภายใต้สัญญา O&M และบริหารจัดการโดย รฟท. เนื่องจากสัญญาเหล่านี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานของรัฐ
- มุมมองของเรา เรามีมุมมองที่เป็นกลางเกี่ยวกับการดำเนินการตามนโยบายนี้ จากแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่ากระทรวงคมนาคมจะอุดหนุนตามปริมาณการจราจรในช่วง 7 วันก่อนการดำเนินการตามนโยบาย ในขณะเดียวกัน BTS กำลังเจรจากับ กทม. และคาดว่าจะใช้โครงสร้างข้อตกลงแบบเดียวกับ BEM ดังนั้น จึงไม่กำไรส่วนเพิ่มจากการเพิ่มปริมาณการจราจรเพิ่มเติม เนื่องจากกรมขนส่งทางบกจะอุดหนุนเฉพาะปริมาณการจราจรในระดับปฏิบัติการปกติเท่านั้น
- ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น หลังจากที่กระทรวงคมนาคมประกาศใช้นโยบายดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ราคาหุ้น BTS ปิดที่ 6.15 บาท (+5.1% จากราคาเปิด) ส่วนราคาหุ้น BEM ปิดที่ 6.65 บาท (+0% จากราคาเปิด) ในเชิงของ YTD ราคาหุ้น BEM ลดลง 6.3% ราคาหุ้น BTSGIF ลดลง 0.8% ขณะที่ BTS เพิ่มขึ้น 0.8% และ TFFIF เพิ่มขึ้น 0.8% เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวลง 3.3% หากพิจารณามูลค่ากิจการ (EV) ในปัจจุบันเทียบกับ EV ปี 2562 EV ของ BEM/BTS/BTSGIF/TFFIF อยู่ที่ 72%/120%/30%/55% ในขณะที่ EBITDA ปี 2567 อยู่ที่ 97%/54%/90%/103%
มุมมอง KS
- มุมมองบวก เราคงมุมมองบวกต่อกลุ่มขนส่งภาคพื้นดิน ปัจจัยหนุนคาดว่าจะมาจากความคืบหน้าของนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายในเดือน ต.ค.2568 (แต่ระยะเวลาและรายละเอียดของนโยบายยังคงไม่ชัดเจน) แต่กรอบระยะเวลาและข้อกำหนดเฉพาะของนโยบายนี้ยังไม่ชัดเจน นอกจากนี้ การเติบโตของปริมาณจราจรอย่างรวดเร็วยังมีปัจจัยหนุนจากสถานีใหม่และพัฒนาการตลอดเส้นทาง
- หุ้นเด่น BEM ยังเป็นหุ้นเด่นของเราด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 11.17 บาท ปัจจัยเพิ่มตัวคูณมูลค่าหุ้น ได้แก่
1) กำไรรายปีที่ทำสถิติสูงสุดใหม่
2) การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนใต้และส้มในปี 2570-73
3) ปริมาณจราจรที่มีปัจจัยหนุนจากการเปิดให้บริการวัน แบงค็อกและดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค