ทั้งโลกรอทรัมป์ / 1,330-1,345
SET ไม่ไปไหนไกล: คาดตลาดจะชะลอการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนจนกว่าจะเห็นความชัดเจนในการตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ช่วงต้นสัปดาห์หน้า
กลยุทธ์การลงทุน
- เก็งงบ 4Q67: ADVANC, PIN, GULF, MTC, NER, SAWAD, SC, BA
- ย้ายฐานลงทุนไทย: AMATA, WHA, ROJNA, WHAUP, INSET, BE8, BBIK
- Spending+ท่องเที่ยว : CPALL, MINT.CPF, CPN, CRC, HMPRO, KTC, TRUE, AWC
- Defensive+ Dividend Stock : AP, TIW, SIRI, SCB, INTUCH
ECB ลดดอกเบี้ยตามคาด แต่ตลาดน่าจะรอท่าทีทรัมป์ : ที่ประชุม ECB มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ทำให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงมาอยู่ที่ 2.75% โดยเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ ECB ได้เริ่มต้นวงจรดอกเบี้ยขาลงในช่วงเดือน มิ.ย. 67 ด้านคณะกรรมการที่ประชุมระบุว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับคาดการณ์ และคาดว่าจะกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในปีนี้ แต่ยังย้ำว่าการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB ขึ้นอยู่กับข้อมูลเชิงเศรษฐกิจที่เข้ามาในขณะนั้น ซึ่งไม่ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง ตอบรับต่อผลการประชุมทำให้ Dollar Index ปรับตัวขึ้นสู่ 108 จุด คาดว่าตลาดหุ้นยุโรปจะแกว่งตัวแคบๆ เพื่อรอจับตาท่าที่ของสหรัฐ หลังเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ทรัมป์กล่าวหาว่าทำการค้ากับสหรัฐอย่างไม่เป็นธรรมจึงอาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายการขึ้นกำแพงภาษี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งทรัมป์ได้ระบุว่ามีการส่งไปขายยังสหรัฐเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่อุดหนุนสหรัฐเท่าที่ควร
GDP สหรัฐไม่ดี รอดู PCE ต่อ คาดตลาดหุ้นไทยรอดูเช่นกัน : ตัวเลข GDP สหรัฐใน 4Q67 รอบ 2 nd Preliminary ออกมาที่ 2.3%q-q น้อยกว่าคาดที่ 2.7%q-q ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุด ใน 2Q67 ถึง 4Q67 แต่ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับตัวขึ้นได้ คาดว่าตลาดอาจหันไปให้น้ำหนักกับการตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ในต้นสัปดาห์หน้า และรอลุ้นตัวเลข PCE ในคืนนี้ จึงมองนักลงทุนอาจชะลอการเพิ่มน้ำหนักในหุ้นไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ติดอยู่ใน Trump Risk Index จนกว่าจะมีความชัดเจนในต้นสัปดาห์หน้า
ปัจจัยที่นำติดตามในสัปดาห์หน้า : ไทย – Manufacturing PMI (Jan) / CPI+Core CPI(Jan), สหรัฐฯ – OPEC Meeting/ISM Manufacturing + Non-Manufacturing PMI (Jan) / JOLTS Job Openings (Dec) / ADP Nonfarm Employment Change (Jan)/S&P Global Services + Manufacturing PMI (Jan)/Nonfarm Payrolls (Jan)/Unemployment Rate (Jan), จีน – Caixin Manufacturing + Services PMI (Jan)
+ ปัจจัยเพิ่มเติม –
(+) อธิบดีกรมประมงเผย ไทยประสบความสำเร็จในการส่งกุ้งแช่แข็งไปขายยังจีน ผ่านการใช้รถไฟจีน-ลาว ซึ่งลดเวลาขนส่งลงถึง 14 วัน คาดจะช่วยเพิ่มยอดการส่งออกให้ไทย และเพิ่มโอกาสในการเจาะตลาดประมงจีน
(+) โตโยต้าคาดแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจะฟื้นตัว จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการลงทุน/ธุรกิจรวมถึงการค่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
(+) รมว.คลัง เตรียมออก Investment Token ที่อิงพันธบัตรรัฐบาล โดยเฟสแรกมองวงเงินเริ่มต้นที่ 1 หมื่นล้านบาท และจะดำเนินการเสร็จสิ้นในปี 68 ส่วนเฟส 2 จะออกเป็น Stable Coin ที่สามารถนำมาใช้จ่ายแทนเงินได้ หนุน หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Data Center และ โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี
(-) รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยว่า B0J จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนือง หากเศรษฐกิจและราคาสินค้าเคลื่อนไหวสอดคล้องกับที่ได้ประเมินไว้
PICKS OF THE DAY
AP BUY
- เป้าหมาย 8.30 / 8.45 แนวรับ 7.95
- AP มี Presale สูงสุดในอุตสาหกรรม: 4Q67 Presale 9,250 ลบ. -42.4%y-y -31.1%q-q อ่อนตัวลงทั้งยอดขายคอนโดและแนวราบ รวม Presale ทั้งปี 67 ที่ 46,753 ลบ. -9.0%y-y แต่ในด้านมูลค่าถือว่าปี 67 ยังทำ Presale ได้สูงสุดในอุตสาหกรรม
- ปันผลสูง: คาดการณ์กำไร 4Q67 อยู่ในช่วง 1.2-1.3 พันลบ. อ่อนตัว y-y และ q-q คาดรายได้โอนอ่อนตัวจากคอนโด Aspire-รัชโยธิน(AP) ที่โอนไปมากแล้วในช่วงกลางปี แต่จะมีคอนโด Life พระราม4-อโศก ที่โอนได้เต็มไตรมาส แต่เป็นโครงการร่วมทุน(JV) ท าให้กำไรถูกหักออกไปบางส่วน กำไรทั้งปี 67 คาดอยู่ในช่วง 4.9-5.1 พันลบ. -18% y-y คาดปันผล 0.58 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 7.3% จากราคาปัจจุบัน Yield ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 5.91%
CPALL BUY
- เป้าหมาย 57.50 / 58.50 แนวรับ 56.00
- หลุมหลบภัย ยอดขายโตต่อเนื่อง: ทางฝ่ายมองว่าในภาวะที่ตลาดหุ้นซบเซาและเศรษฐกิจโดยรวมโตช้า หุ้น Defensive น่าจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุนในหุ้น มองว่า CPALL น่าสนใจเนื่องจากเป็นร้านสะดวกซื้อ ขายสินค้าจำเป็นต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน มียอดขายเติบโต y-y ในหลายไตรมาสที่ผ่านมา คาดใน 4Q67 จะมียอดขายในงบรวมอยู่ที่ 247.6 แสนลบ. +5.9% y-y ยอดขายค่อนข้าง stable ไม่ผันผวนมากเนื่องจากอิงการบริโภคของคนในประเทศเป็นหลัก
- คาดปันผลปี 67 ที่ 1.33 บาท/หุ้น: คาดจ่ายปันผลปี 67 ที่ 1.33 บาท/หุ้น (จ่ายปีละครั้งในช่วงต้น พ.ค. ของทุกปี) ในสมมติฐาน Payout ratio 41.1% คิดเป็น Div. yield 2.35% อิงจากราคาหุ้นปัจจุบัน