บล.กสิกรไทย:
การเริ่มต้นที่ย่ำแย่จากปัจจัยเฉพาะตัวของบางอุตสาหกรรมและบางบริษัทฯ
SET Index เริ่มต้นปี 2568 ด้วยภาพที่ไม่น่าประทับใจ โดยการปรับตัวลดลงอย่าง 3.3% YTD (ณ วันที่ 23 ม.ค. 2568) ขณะที่ MSCI ACWI เพิ่มขึ้น 3.8% YTD นอกเหนือจากแรงกดดันจากการไถ่ถอน LTF แล้ว ตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากความกังวล ได้แก่
1) เรื่องการปฏิรูปนโยบายภาษี โดยเฉพาะการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำโลก (Global Minimum Tax)
2) การแทรกแซงของรัฐบาลในอุตสาหกรรมพลังงาน
3) ความกังวลเรื่องผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวหลังเหตุการณ์ลักพาตัวนักท่องเที่ยวชาวจีน
4) ความเชื่อมั่นของตลาดในหุ้นขนาดเล็กที่แย่ลงจากความกังวลเรื่องการจำนำหุ้นและการถูกบังคับขายของบางบริษัท
5) การปรับตัวลงของราคาหุ้น DELTA หลังมีแผนออกหุ้นกู้แปลงสภาพ (Exchangeable Bond)
- มองความเชื่อมั่นจะเริ่มฟื้นตัว หลังแรงขายชะลอและภาพใหญ่ที่ปรับตัวดีขึ้น
- มองไปข้างหน้าเราเชื่อว่าตลาดยังคงมีความผันผวนจากความกังวลในประเด็นนโยบายของภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ แต่ความเสี่ยงด้านลบอาจเริ่มจำกัดลง โดยเฉพาะเมื่อการไถ่ถอน LTF ได้แตะระดับ 1.6 หมื่นลบ. YTD ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 7 พันลบ.ในเดือนม.ค. ทำให้แรงกดดันจากการขายอาจเริ่มลดลง
- นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สูงและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าซึ่งกดดันตลาดอาจเริ่มลดลง หลังทรัมป์ให้ความสำคัญกับสงครามและการจัดการผู้อพยพก่อนที่จะพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้า อีกทั้งเราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ จะกลับมาชะลอตัว และหากมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดว่า GDP ของไทยในไตรมาส 4/2567 จะรายงานเร่งตัวขึ้นแตะ 3.7% จาก 3.0% ในไตรมาส 3/2567
- ภาษีและค่าธรรมเนียมยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญ
- อย่างไรก็ตาม นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนดทิศทางตลาด ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูงและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอารมณ์ของโดนัลด์ ทรัมป์
- อย่างไรก็ดี หลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ มีการลงนามคำสั่งบริหารหลายฉบับ แต่ยังไม่มีคำสั่งใดที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน ซึ่งหมายถึงตลาดอาจสามารถลดความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาของสงครามการค้าโลกลงได้อย่างน้อยในระยะสั้น
- นอกจากนโยบายการค้าของทรัมป์แล้ว การปฏิรูปนโยบายภาษีในไทยก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงสำคัญ แต่ในปัจจุบัน ความเสี่ยงจากการปฏิรูปภาษีไทย (GMT, VAT, CIT และ PIT) เรายังประเมินว่าสุทธิแล้วมีแนวโน้มส่งผลเป็นไปในเชิงบวกมากกว่า
มุมมอง KS
- คงมุมมองระมัดระวัง แต่มองการปรับตัวลงเป็นโอกาสในการทยอยสะสม
- เรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลดลงแรงของดัชนีตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาทำให้เรามองมีความน่าสนใจมากขึ้น และประเมินเป็นโอกาสสำหรับการทยอยสะสมหุ้นได้
- เราคงเป้าหมายดัชนี SET ณ สิ้นปี 2568 ไว้ที่ 1,520 จุด โดยอ้างอิงจากประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดที่ 95 บาท และอัตราส่วน PE ระยะยาวที่ 16 เท่า เราแนะนำหุ้นเด่นสำหรับการลงทุนในพอร์ตเดือนนี้ ได้แก่ KKP, CRC, BCH, BA และ BBIK