ยังสามารถคุยกันได้ / 1,300-1,320

SET พลิกฟื้น: แรงหนุนจากความคลายกังวลสงครามการค้าโลก และภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง อีกทั้งหวังแรงหนุนเพิ่มเติมจากการประชุมครม. และการเดินทางเยือนจีนของนายกฯ

กลยุทธ์การลงทุน

  1. เก็งงบ 4Q67: ADVANC, PIN, MTC, SC
  2. Value stock ในเชิง Quant: AAI, AAV, PRM, PT, ROJNA
  3. Dividend + REITs: FTREIT, INTUCH, SCB, SIRI, TISCO, WHART
  4. Selective: CK, KBANK, KTC, STECON, TTB
  5. Short-sell: GLOBAL, KCE, SCGP

คลายกังวลสงครามการค้าโลก: ปธน.สหรัฐฯได้ประกาศชะลอแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้าน้ำเข้าจากเม็กซิโกในอัตรา 25% ออกไปอีก 1 เดือน ภายหลังจากที่ปธน.เม็กซิโกยินยอมที่จะส่งกำลังทหารจำนวน 1 หมื่นนายไปประจำการตามแนวชายแดนตอนเหนือ เพื่อป้องกันการลักลอบน้ำยาเสพติดจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ ขณะที่ด้านนายกฯแคนาดาเผยปธน.สหรัฐฯ ได้ตกลงที่จะระงับการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ทั้งนี้ภาพข้างต้นนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเจรจาต่อรองที่สามารถเกิดขึ้นได้ และช่วยคลายกังวลสงครามการค้าโลกเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ทางฝ่ายมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึง SET Index ท่ามกลางความคลายกังวลผลกระทบของสงครามการค้าต่อผลประกอบการของภาคธุรกิจ

ภาคการผลิตของสหรัฐฯแกร่งกว่าคาด: คาด SET Index จะได้ Sentiment หนุนเพิ่มเติมจากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง หลังสหรัฐฯ PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.68 ที่บ่งซี้ถึงการขยายตัวโดยจาก 1) S&P Global อยู่ที่ 51.2 มากกว่าตลาดคาดที่ 50.1 เพิ่มขึ้นจาก 49.4 ในเดือนธ.ค.67 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.67 และ 2) ISM อยู่ที่ 50.9 มากกว่าตลาดคาดที่ 49.3 เพิ่มขึ้นจาก 49.2 ในเดือนธ.ค.67 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.65 ขณะที่คืนนี้ติดตามปัจจัยบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจและภาคธุรกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม ได้แก่ 1) JOLTS และเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค.67 และ 2) ผลประกอบการของ Alphabet, Merck&Co, PepsiCo, AMD และ PayPal เป็นต้น

หวังแรงหนุนเพิ่มเติมจากการประชุมครม.: ติดตามการประชุมครม.ในวันนี้ ซึ่งอาจเป็นอีกแรงหนุ่นเพิ่มเติม หลังกระทรวงคมนาคมจะเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วง นครราชสีมา – หนองคาย ระยะทาง 357 กิโลเมตร วงเงิน 3.41 แสนล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการให้เสร็จตามกำหนด นอกจากนี้นายกฯและคณะจะเดินเยือนจีนในวันที่ 5 ก.พ.68 ซึ่งอาจนำไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม

+ ปัจจัยเพิ่มเติม –

(+) นายกสมาคมบลจ.เผยขณะนี้สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และสมาคมบลจ.อยู่ระหว่างรอกำหนดวันจากกระทรวงการคลังในการเข้าพบรัฐมนตรีคลังเพื่อหารือเรื่องกองทุน LTF

(+) วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิใน SET50 Index Futures สูงถึง 43,027 สัญญา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแรงคดดันจาก Fund flow ที่ลดลง

(+) แหล่งข่าวของจีนที่เปิดเผยกับทางวอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า จีนได้เตรียมข้อเสนอต่อรองในประเด็นที่สหรัฐกำหนดจะขึ้นภาษีศุลกาครจีน 10% ด้วยการเสนอฟื้นฟูข้อตกลงการค้า “เฟส 1” ซึ่งได้มีคารลงนามไว้ในปี 63 ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งปธน.วาระแรก

(-) ยูโรโซนเผย CPI เดือนม.ค.68 โดยภาพ y-y นั้น Headline ขยายตัว 2.5% สูงกว่าตลาดคาดและเดือนธ.ค.67 ที่ 2.4% ส่วน Core ขยายตัว 2.7% เท่ากับเดือนธ.ค.67 แต่มากกว่าตลาดคาดที่ 2.6%

PICKS OF THE DAY

KCE SHORT

  • เป้าหมาย 19.80 / 20.50 แนวต้าน 21.50
  • Tariff กระทบค่ายยานยนต์: 4Q67 ดัชนียอดขายรถยนต์ทั้งหมดในสหรัฐ อ่อนตัว y-y (ที่มา: Investing) ขณะที่การขึ้นภาษีเม็กซิโกและแคนาดากระทบต่อค่ายรถสหรัฐฯและยุโรปบางค่ายที่มีโรงงานประกอบรถยนต์อย่าง GM Motors และ Stellantis ที่ผ่านมาการแข่งขันด้านราคาทำให้ค่ายรถยุโรปมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงและมาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ S&P ระบุว่าอาจเป็นปัจจัยที่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของค่ายรถยุโรปในปีนี้
  • KCE ยังไม่ฟื้นตัว: คาด 4Q67 กำไร 210 ลบ. –56%y-y -3%q-q อ่อนตัวจากเงินบาท/ดอลลาร์ เฉลี่ยที่แข็งค่าขึ้น และอุตสาหกรรมยานยนต์ทางฝั่งยุโรปและสหรัฐยังไม่ฟื้นตัว และ KCE เองอยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องจักรใหม่ซึ่งจะเริ่มเร่งกำกลังผลิตได้ในช่วง 2H68 ทำให้ปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัว

SCB BUY

  • เป้าหมาย 127.50 / 129.50 แนวรับ 124.50
  • ปันผลโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม: SCB เป็นธนาคารที่มีปันผลโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม โดยปี 67 คาดว่าจะมีการจ่าย 10.44 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 8.3% โดยจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 2 บาท/หุ้น เหลือปันผลครึ่งปีหลังอีก 8.44 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 6.7% และปี 68 คาดว่าจะมีการจ่ายปัน 10.97 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 8.7%
  • ได้ประโยชน์จากการคงดอกเบี้ยนโยบาย: คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ SCB ได้ประโยชน์ในแง่อัตราผลตอบแทนสินเชื่อจะไม่ปรับลดลง ส่งผลดีต่อรายได้ดอกเบี้ย และผลประกอบการ
- Advertisement -