บล.กสิกรไทย:

SCGP รายงานกำไรปกติไตรมาส 4/2567 ที่ 34 ลบ. ลดลง 97% YoY และ 95% QoQ ลดลงอย่างมากทั้ง YoY และ QoQ และต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์
  • ประกาศ DPS ในครึ่งหลังของปี 2567 ที่ 0.30 บาท/หุ้น การจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) คิดเป็นอัตราการจ่าย 250% ด้วยอัตราตอบแทนจากเงินปันผลที่ 1.8% โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 1 เม.ย. และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 21 เม.ย.
  • เหตุการณ์สำคัญ เราร่วมประชุมนักวิเคราะห์ไตรมาส 4/2567 ของ SCGP ประเด็นสำคัญจากการประชุมมีแนวโน้มเชิงบวกเล็กน้อย ผู้บริหารมองว่าไตรมาส 4/2567 เป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดว่ากำไรในไตรมาส 1/2568 จะฟื้นตัวอย่างมากจากการไม่มีค่าใช้จ่ายครั้งเดียวประมาณ 400 ลบ.ที่บันทึกในไตรมาส 4/2567 รวมถึงค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง 120 ลบ.จากการปิดโรงงานเส้นใย และค่าใช้จ่ายพิเศษ 260 ลบ.ในธุรกิจรีไซเคิล ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ มองเห็นอุปสงค์กระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะที่ Fajar Surya Wisesa Tbk. (Fajar) ซึ่งจะส่งผลให้ขาดทุนลดลงในไตรมาส 1/2568 และค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นตลอดทั้งปี SCGP คาดว่า Fajar จะถึงจุดคุ้มทุนของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 2/2568
  • พัฒนาการล่าสุดของ Fajar Fajar มีแผนเพิ่มทุนผ่านการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนแบบจำกัดจำนวน โดยจะออกหุ้นใหม่สูงสุด 1 พันล้านหุ้นที่ราคาพาร์ 500 รูเปียร์ ราคาสุดท้ายของการเสนอขายยังไม่ได้กำหนด แต่จากเป้าหมายของบริษัทฯ ในการลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) จาก 2 เท่าเป็นประมาณ 1 เท่า เราคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ราว 8-9 พันลบ. วัตถุประสงค์หลักของการเพิ่มทุนคือการรีไฟแนนซ์หนี้คงค้างประมาณ 1.6 หมื่นลบ.ในระดับของ Fajar ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 7-7.5% SCGP มีแผนที่จะสนับสนุนการเพิ่มทุนนี้ โดยใช้การกู้ยืมจากประเทศไทย เรามองว่านี่เป็นปัจจัยบวกสำหรับการปรับโครงสร้างของ Fajar เนื่องจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลงประมาณ 300-400 ลบ.ต่อปีจากการรีไฟแนนซ์ทางอ้อมนี้ เราไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในงบดุลรวมของ SCGP

แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 20.00 บาท ด้วยเหตุผลดังนี้

  • 1) กำไรที่ถึงจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 4/2567 และมีแนวโน้มฟื้นตัวในอนาคต
  • 2) คาดว่าการดำเนินงานของ Fajar จะฟื้นตัวและส่วนแบ่งขาดทุนของ SCGP จะลดลง
  • 3) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 อาจลดลง

- Advertisement -