KS Daily View 06.02.2025>>> S&P 500 ปรับตัวขึ้น แม้ Alphabet และ AMD ลงแรงรายได้ต่ำคาด แต่ ISM Services ที่ชะลอตัวหนุนความหวังเฟดลดดอกเบี้ย ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง กดดันจาก DELTA ราว 8.5 จุด มองอยู่ในช่วงสร้างฐานที่ 1,280–1,320 ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ หุ้นแนะนำ TIDLOR, STGT

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน ดัชนี Dow Jones 0.71%, S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.40% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.21% แม้ว่าหุ้น Alphabet และ AMD จะปรับตัวลงจากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด แต่ตลาดได้ปัจจัยบวกจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังจาก ISM Services ชะลอตัวลงและแรงหนุนจากการรีบาวด์ของหุ้น Nvidia ที่ปรับตัวขึ้น 5% หลังบริษัทประกอบเซิร์ฟเวอร์อย่าง Super Micro Computer รายงาน Server ที่ใช้ชิป Blackwell พร้อมจัดส่งแล้ว ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาห่วงโซ่อุปทาน

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,269.61 จุด ปรับตัวลดลง 14 จุด ซึ่งลดลงมากกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค สาเหตุหลักมาจากแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ในการจำกัดน้ำหนักหุ้นในดัชนี ส่งผลให้กองทุนต้องปรับพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะหุ้น DELTA ที่ปรับตัวลง 7% และทำให้ดัชนีลดลงประมาณ 8.5 จุด นอกจากนี้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าและค้าปลีกก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน ในขณะที่กลุ่มขนส่งกลับปรับตัวขึ้นนำโดย AOT และ ICT ทั้งนี้คาดว่าดัชนี SET จะยังคงอยู่ในช่วงสร้างฐานที่กรอบ 1,280 – 1,320 จุด เนื่องจากยังขาดปัจจัยบวกใหม่ แม้ว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้วก็ตาม โดยวันนี้แนะนำให้ติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทย หุ้นแนะนำเป็น TIDLOR, STGT

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมแสดงภาพที่ผสมผสาน โดยดัชนี ISM ภาคบริการชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 52.8 จาก 54 ในเดือนธันวาคม และดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน แต่ในขณะเดียวกัน รายงานการจ้างงานของ ADP แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 150,000 ตำแหน่ง โดยการเติบโตของการจ้างงานส่วนใหญ่มาจากภาคบริการ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการค้า การขนส่ง และการท่องเที่ยวและการบริการ
  2. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ยืนยันว่าโครงการโอนเงิน 10,000 บาท เฟส 3 จะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 อย่างแน่นอน โดยขณะนี้ระบบการเชื่อมโยงแบบ Open Loop กับสถาบันการเงินเสร็จแล้วและอยู่ในช่วงทดสอบ รัฐบาลมีงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทรองรับ ส่วนผู้มีสิทธิ์รับเงินจากผู้ลงทะเบียนราว 35-36 ล้านคน ต้องรอพิจารณาคุณสมบัติอีกครั้ง พร้อมเผยผลการโอนเงินสองเฟสแรกน่าพอใจ ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้ดี
  3. กฟผ. ส่งหนังสือด่วนถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รายงานแผนบริหารจัดการผลกระทบจากความล่าช้าของการประมูลงานขุด-ขนดินและถ่านที่เหมืองแม่เมาะ โดยระบุว่าจะใช้ถ่านหินสำรองที่เตรียมไว้สำหรับฤดูฝนมาใช้ก่อนได้ 4 เดือน (ก.พ.-พ.ค. 68) แต่หากงานล่าช้าเกินกว่านั้น จะส่งผลให้โรงไฟฟ้าต้องลดกำลังการผลิตลงถึง 1,400 เมกะวัตต์ต่อวัน และต้องใช้ LNG มาทดแทน ซึ่งต้องขออนุมัติจาก กกพ. และใช้เวลาดำเนินการไม่ต่ำกว่า 45 วัน
  4. บริการไปรษณีย์สหรัฐ (USPS) ได้ยกเลิกการระงับรับพัสดุจากจีนและฮ่องกง โดยประกาศว่าจะยังคงรับพัสดุและจดหมายระหว่างประเทศทั้งหมดและกำลังร่วมมือกับหน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ เพื่อลดการหยุดชะงักในการจัดส่งขณะดำเนินการจัดเก็บภาษีนำเข้าใหม่จากจีน การกลับลำนี้เกิดขึ้นเพียง 12 ชั่วโมงหลังจากที่ USPS ประกาศระงับการรับพัสดุ
  5. ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาริชมอนด์ Thomas Barkin กล่าวว่าเจ้าหน้าที่เฟดต้องการเวลาเพิ่มเติมในการทำความเข้าใจทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐและเงินเฟ้อ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ แม้ว่าข้อมูลการใช้จ่ายและการเติบโตจะ “ค่อนข้างดี” แต่การลงทุนทางธุรกิจยังมีเครื่องหมายคำถาม Barkin ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังคง ‘เข้มงวด’ ในระดับปานกลาง และสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันไม่สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากไม่มีสัญญาณของเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไป

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • TIDLOR : ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 จะแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธุรกิจจำนำทะเบียน เนื่องจากต้นทุนด้านเครดิตลดลงมาอยู่ที่ 3.3% จากระดับ 3.9% ในไตรมาส 3 และ 4.2% ในไตรมาส 4 ปี 2566 ประกอบกับการเติบโตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับปี 2568 เราคาดว่าจะเป็นปีที่บริษัทใช้กลยุทธ์แบบ Selective และระมัดระวัง โดยปัจจัยการเติบโตจะมาจากการลดลงของต้นทุนด้านเครดิตและการปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อมากกว่าการเติบโตของรายได้ นอกจากนี้ TIDLOR ยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกันที่เติบโตดีมาช่วยสนับสนุนในปี 2568 อีกด้วย

  • STGT : ราคาพื้นฐาน 12.70 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ STGT โดยคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2567 จะพลิกกลับมามีกำไรประมาณ 210 ล้านบาท จากที่ขาดทุนในไตรมาส 4 ปี 2566 เนื่องจากปริมาณการขายและราคาปรับตัวดีขึ้น ซึ่งมาจากความต้องการถุงมือยางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสหรัฐอเมริกา หลังจากที่มีการขึ้นกำแพงภาษีสินค้าถุงมือยางทางการแพทย์จากประเทศจีน นอกจากนี้ เราคาดว่าอุตสาหกรรมถุงมือยางจะกลับมาเติบโตได้ประมาณ 7-8% รวมถึงการที่สหรัฐอเมริกาหันมาซื้อถุงมือยางจากภูมิภาคอาเซียนแทนการซื้อจากประเทศจีนจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในปี 2568

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH CPI) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.25% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.23% YoY และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (TH Core CPI) ตลาดคาดการณ์ที่ 0.10% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.18% YoY ต่อด้วยดัชนียอดค้าปลีกของฝั่งยุโรป (EU Retail sales) เดือน ธ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.0% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.2% YoY และจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.07 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.50 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.56 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน ม.ค. ตลาดคาดการณ์ที่  4.1% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -