KS Daily View 17.02.2025 >>> ประเมิน SET น่าจะปรับตัวลง รับแรงกดดันจากงบ AOT/ DELTA มองกรอบ SET วันนี้ 1,250 – 1,280 จุด หุ้นแนะนำ BA, CPAXT

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,250-1,290 จุด โดยมีเทรนด์หลักเป็นขาลงและอาจผันผวนมากขึ้นจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศมีแรงเทขาย AOT จากความกังวลเรื่อง King Power ขอเลื่อนชำระค่าสัมปทาน รวมถึง DELTA รายงานกำไร 4Q67 ต่ำสุดในรอบ 3 ปี และประเด็นการเมืองจากการประชุมแก้รัฐธรรมนูญล่ม ด้านต่างประเทศแม้ตลาดจะคลายกังวลบ้างหลังทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้ไปเริ่ม 1 เม.ย. 68 แต่ยังต้องติดตามท่าทีที่อาจเปลี่ยนแปลง สัปดาห์นี้มีปัจจัยสำคัญคือ GDP ไทย 4Q67 ที่คาดโต 3.8% YoY ซึ่งมีความเสี่ยงด้านลบหากต่ำกว่าคาด และการเปิดเผย FOMC minutes ที่คาดจะยืนยันท่าทีไม่เร่งลดดอกเบี้ย ด้านผลประกอบการมี GPSC STA STGT CPAXT BCP และ BCPG ที่คาดเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ แม้มีข่าวความพยายามฟื้น LTF รุ่นใหม่ แต่วิกฤติความเชื่อมั่นอาจทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าลงทุนในช่วงนี้ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนท่ามกลางความผันผวนจากผลประกอบการและนโยบายการค้าของทรัมป์ แนะนำ BA STGT CPAXT ERW MTC

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,272.10 จุด ปรับตัวลง 12 จุด โดยมีแรงกดดันจากผลประกอบการของ AOT ที่ต่ำกว่าคาด รวมถึงความกังวลลูกหนี้ King Power ที่อาจกระทบกลุ่มแบงค์ แม้ปัจจัยภายนอกจะไม่ได้กดดันมากนัก แต่เราประเมินตลาดน่าจะปรับตัวลงต่อเนื่องจากการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงผลประกอบการของ DELTA ที่กำไรลดลงราว 50% YoY มองกรอบของ SET วันนี้ที่ 1,250 – 1,280 หุ้นแนะนำเป็น BA, CPAXT

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1. ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าจะเปิดเผยการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์รอบใหม่ในวันที่ 2 เมษายน เป็นการขยายสงครามการค้าล่าสุดที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้ ซึ่งมีสัดส่วนการนำเข้าสูงในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Volkswagen ที่ 80% ของยอดขายในสหรัฐฯ เป็นรถนำเข้า และ Hyundai-Kia ที่ 65% แม้ยังไม่มีรายละเอียดของอัตราภาษีและขอบเขตที่ชัดเจน รวมถึงผลกระทบต่อรถยนต์ที่ผลิตภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีกับแคนาดาและเม็กซิโก แต่ผู้บริหาร Ford เตือนว่าภาษีนำเข้า 25% จากเม็กซิโกและแคนาดาเพียงอย่างเดียวก็จะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดที่อุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ เคยเผชิญ

2. จีนเชิญนักธุรกิจชั้นนำรวมถึง Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba และ Liang Wenfeng ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เข้าพบผู้นำระดับสูงของประเทศในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเข้าร่วมด้วย การประชุมนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงการสนับสนุนภาคเอกชนหลังจากการปราบปรามมาหลายปี โดยเฉพาะกรณีของ Ma ที่หายไปจากสายตาสาธารณะหลังทางการระงับการเสนอขายหุ้น IPO ของ Ant Group ในปี 2020 ข่าวนี้ส่งผลให้หุ้น Alibaba พุ่งขึ้นกว่า 6% ในฮ่องกง แม้ยังไม่ชัดเจนว่าทางการจะเปลี่ยนท่าทีต่อภาคเอกชนมากน้อยเพียงใด แต่การสนับสนุนจากสีจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ

3. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมเสนอกระทรวงการคลังพิจารณายกเว้นภาษีกำไรส่วนเพิ่มและไม่เก็บภาษีย้อนหลังสำหรับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ Jump+ ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นตลาดระยะกลาง โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤษภาคม 2568 และคัดเลือกบริษัทเข้าร่วม 50 รายในปีแรก นอกจากนี้ยังศึกษาแนวทางโยกกองทุน LTF เข้า ThaiESG และปรับเกณฑ์การซื้อหุ้นคืนให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพให้ตลาดทุนไทยในระยะยาว

4. กระทรวงคมนาคมเตรียมผลักดัน 5 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ในปี 2568 มูลค่ารวม 134,199 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ประกอบด้วย ทางด่วนสายเหนือช่วงถนนประเสริฐมนูกิจ-วงแหวนรอบนอก ทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง มอเตอร์เวย์ M5 ส่วนต่อขยายรังสิต-บางปะอิน ทางหลวงพิเศษวงแหวนรอบนอกช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง และรถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยายช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา โดยคาดว่าทุกโครงการจะเริ่มเปิดประมูลภายในปีนี้

5. สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวันที่ 7 มีนาคม 2568 เกี่ยวกับแนวทางการปรับลดค่าไฟฟ้างวดใหม่ (พฤษภาคม-สิงหาคม 2568) โดยมีแนวโน้มที่จะลดลง 17 สตางค์ต่อหน่วยจากอัตราปัจจุบันที่ 4.15 บาท เหลือ 3.98 บาท ทั้งนี้ การพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าจะต้องพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และอัตราแลกเปลี่ยน โดย กกพ. ยังต้องหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการลดค่าไฟฟ้าลง 40 สตางค์ต่อหน่วยตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

Daily pick

BA: ราคาพื้นฐาน 26.87 บาท

เราคาดว่า BA จะได้ประโยชน์จากการเปิดตัวซีรีส์ “The White Lotus” ซีซัน 3 ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งตรงกับช่วงไฮซีซันของเกาะสมุยในไตรมาส 1 ปี 2568 ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่สมุยในเดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน เราชื่นชอบ BA เนื่องจากมีอำนาจในการตั้งราคาที่แข็งแกร่งและมีการแข่งขันต่ำในกลุ่มสายการบินบริการเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะเส้นทางสมุยที่สร้างรายได้ให้ BA ประมาณ 70% นอกจากนี้ เราคาดว่า BA จะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง โดยทุกๆ 10 ดอลลาร์สหรัฐของราคาน้ำมันเครื่องบินที่ลดลงจะช่วยเพิ่มกำไรให้ BA ประมาณ 5-7%

CPAXT: ราคาพื้นฐาน 39.30 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPAXT ที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 16.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมาจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของธุรกิจ MAKRO และ Lotus Thailand ที่เติบโต 1.8-1.9% นอกจากนี้ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัว 90 bps เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 50 bps เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลง 40bps เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 110 bps เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อีกทั้ง CPAXT ยังให้แนวโน้มการเติบโตในปี 2568 ที่น่าสนใจ โดยคาดว่ายอดขายจะเติบโตประมาณ 7-9% และอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น 60 bps พร้อมกับยอดขายผ่านช่องทาง Omni Channel ที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 22% รวมถึงประโยชน์จาก Synergy มูลค่าประมาณ 5,200 ล้านบาทที่คาดว่าจะรับรู้ได้ภายใน 2 ปี

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามรายงาน GDP ไตรมาส 4 ของญี่ปุ่น คาดไว้ที่ 2.1% YoY, 0.5% QoQ มากกว่าครั้งก่อนหน้าที่ 1.2%, 0.2% รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมคาดไว้ที่ -1.6% YoY, 0.3% MoM ดีกว่าเดือนก่อนที่ -1.6%, -2.2% รวมถึงการรายงานGDP ของไทยไตรมาส 4 เทียบกับไตรมาส 3 ที่ 3.0% และความเห็นของคณะกรรมการเฟด คุณ Harker กับคุณ Bowman
  • วันอังคาร ติดตามรายงานการว่างงานของสหราชอาณาจักรคาดไว้ที่ 4.4% เท่ากับครั้งก่อนหน้า เงินเฟ้อฝรั่งเศสคาดไว้ที่ 1.8% เท่ากับครั้งก่อนหน้า รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยุโรปคาดไว้ที่ 15 จากครั้งก่อนหน้าที่ 18 และเงินเฟ้อแคนาดาคาดไว้ที่ 1.8% เท่ากับครั้งก่อนหน้า และความเห็นของคณะกรรมการเฟด คุณ Daly
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นเดือน ม.ค. คาดไว้ที่ 3.0% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.8% ต่อด้วยเงินเฟ้อทั่วไปของสหราชอาณาจักรคาดไว้ที่ 2.4% เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ 2.5% และเงินเฟ้อพื้นฐานคาดไว้ที่ 3.1% เทียบกับครั้งก่อนที่ 3.2% และดัชนีราคาผู้ผลิตคาดไว้ที่ -1.3% YoY, 0.1% MoM เทียบกับครั้งก่อนหน้า -1.5%, 0.1% และรายงานการประชุม FOMC
  • วันพฤหัสฯ ติดตามธนาคารกลางจีน PBOC คาดคงอัตราดอกเบี้ย LPR 1 ปีที่ 3.1% และ 5 ปีที่ 3.6% ต่อด้วยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานคาดไว้ที่ 220K เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ 213K
  • วันศุกร์ ติดตามเงินเฟ้อของญี่ปุ่นคาดไว้ที่ 3.7% YoY, 0.2% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.6%, 0.6% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน ก.พ. ของญี่ปุ่นคาดไว้ที่ 49.6 ส่วนภาคบริการคาดไว้ที่ 52.2 ต่อด้วยทางยุโรปภาคการผลิตคาดไว้ที่ 46 และภาคบริการคาดไว้ที่ 50.5 และทางสหรัฐฯ ภาคการผลิตคาดไว้ที่ 51.3 และภาคบริการคาดไว้ที่ 52.7
- Advertisement -