AIT โชว์ฟอร์มผลงานปี 67 รายได้ทะยานแตะ 7,198 ลบ. ทุบสถิติสูงสุดใหม่ ดันกำไรสุทธิพุ่ง 15% ตอกย้ำหุ้น Dividend Stock บอร์ดฯ ใจป้ำจ่ายปันผล 0.40 บาทต่อหุ้น พร้อม TKC เข้าทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนไม่เกิน 10% ยกระดับความร่วมมือระหว่างธุรกิจ
‘บมจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี’ หรือ AIT ประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 67 ทำรายได้จากงบเฉพาะกิจการที่ 7,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ทุบสถิติทำผลงานยอดเยี่ยมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีกำไรสุทธิที่ 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำหุ้น Dividend Stock บอร์ดฯ ไฟเขียวเคาะจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.40 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 18 เมษายนนี้ เดินหน้าสร้างการเติบโตแบบมั่นคง วางเป้ารายได้ปี 68 ที่ 6,800 ล้านบาท เติบโตแบบคอนเซอร์เวทีฟ พร้อมตุน Backlog กว่า 6,000 ล้านบาท พร้อมรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 7–8% ตอบรับ บมจ. เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) หลังขอทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นในที่ประชุม AGM ให้ TKC เข้าทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนไม่เกิน 10% จากผู้ถือหุ้นเดิม ชี้เป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างธุรกิจ
นางศศิเนตร พหลโยธิน รักษาการประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำในธุรกิจรับเหมาระบบสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร ถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2567บริษัทฯ มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 7,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 6,514 ล้านบาท นับเป็นการสร้างสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา ด้วยผลสำเร็จจากการบริหารและดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 497 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมา งบประมาณรายจ่ายของภาครัฐประจำปี 2567 ที่มีการอนุมัติล่าช้าทำให้โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่เคยถูกชะลอการลงทุนได้เริ่มเข้ามาในปี 2567 ประกอบกับโครงการที่อยู่ในปีงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ก็ผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกันยายน 2567 และมีการเบิกจ่ายเงินลงทุนแล้วบางส่วน ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการรับรู้งานโครงการจากทางภาครัฐเพิ่มมากขึ้น
ด้วยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสมของบริษัทฯเพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ0.40 บาท (สี่สิบสตางค์) กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 18 เมษายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 สำหรับสิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 4 เมษายน 2568 ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท (สิบห้าสตางค์) ที่จ่ายเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ส่งผลให้ในปี 2567 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท (ห้าสิบห้าสตางค์) ถือเป็นการตอกย้ำว่า AIT เป็นหนึ่งในหุ้นปันผล (Dividend Stock) ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอยู่เสมอมา
ขณะเดียวกัน บอร์ดฯ ได้มีมติเห็นควรให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568ในวันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติวาระการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน (Voluntary Partial Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นเดิมของ AIT โดย บมจ. เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส หรือ TKC จำนวนไม่เกิน 153,641,557 หุ้น หรือคิดเป็น 10.00% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 5.20 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 798,936,096.40 บาท อย่างไรก็ตาม หากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น AIT จะทำให้ TKC ถือหุ้นใน AIT เป็นสัดส่วนไม่เกิน 34.90% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด (หลังธุรกรรมทุกอย่างเสร็จสิ้น) ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจให้มากขึ้น จากการเป็น Strategic Partner ในการดำเนินธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจร หรือ System Integrator (SI) พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการโซลูชั่นด้านดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานไอที รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในการเข้าสู่ยุคของ AI และ Digital Transformation อย่างไรก็ตาม การบริหารงานจะอยู่ภายใต้โครงสร้างการบริหารของทีมผู้บริหารชุดเดิมที่ยังคงทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายการดำเนินงานและบริหารงาน ทั้งนี้ เพื่อก้าวสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในประเทศไทย
รักษาการประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปี 2568 คาดว่าการลงทุนในธุรกิจSystem Integrator (SI) จะยังทรงตัว อย่างไรก็ตาม โอกาสการเติบโตที่สำคัญมาจากนโยบายภาครัฐฯ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ดิจิทัลของภาครัฐฯ ที่เน้นการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (Digital Government), โครงสร้างพื้นฐาน Cloud และ Cybersecurity รวมถึงการลงทุนใน Smart City และ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชนชน ขณะที่ในส่วนของนโยบาย Cloud First ของภาครัฐฯ ยังเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้หน่วยงานรัฐเปลี่ยนไปใช้Government Cloud มากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสที่จะส่งเสริมให้บริษัทฯ ได้เข้ารับงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าทำรายได้แตะที่ระดับ 6,800 ล้านบาท ถือเป็นการตั้งเป้ารายได้แบบคอนเซอร์เวทีฟ (Conservative) พร้อมรักษาระดับการทำอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 7-8% ภายใต้แนวทางการดำเนินธุรกิจใน 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.) ขยายฐานลูกค้าสร้างการเติบโตของรายได้ 2.) สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทฯ 3.) พัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการทำงานที่ท้าทาย 4.) พัฒนาระบบภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ 5.) ขยายธุรกิจที่สร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ให้ผลตอบแทนในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ปัจจุบัน AIT มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท รวมถึงจำนวนมูลค่างานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกจำนวน 80 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้