KS Daily View 19.02.2025 >>> DELTA กดดัน SET แต่ไส้ในของตลาดดูดีขึ้น มองกรอบ SET วันนี้ 1,250–1,280 แนะนำ CPAXT, SPALI

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.24% ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์, Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.02% และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.07% แม้ว่าตลาดจะมีแรงกดดันจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี และคำแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟดที่ยังคงสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ย แต่ข่าวเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพที่ริยาดระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซีย ได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดซื้อขายในกรอบแคบหลังกลับมาเปิดทำการจากวันหยุด และรอติดตามรายงานการประชุม FOMC เดือนมกราคมในคืนวันพุธนี้

ตลาดหุ้นไทยผันผวนกรอบแคบปิดที่ 1,257.48 จุด ปิดบวก 1 จุด ภาพรวมของตลาดยังถูกกดดันจาก DELTA ที่ปรับตัวลง 10% กดดันดัชนีราว 9 จุด รวมถึงกลุ่มสื่อสารและปิโตรเคมี แต่มีจำนวนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีและกระจายตัว นำโดยกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก อาหาร พลังงาน ขนส่ง โรงพยาบาล และอสังหาริมทรัพย์ จากปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่มีแรงกดดันเพิ่มเติมโดยเฉพาะเรื่อง Tariffs และปัจจัยภายในที่มีประเด็นบวกจากความพยายามฟื้นกองทุน LTF เราประเมิน SET จะยังพยายามยืนสร้างฐานที่บริเวณ 1,250 จุดต่อไป มองกรอบวันนี้ที่ 1,250 – 1,280 หุ้นแนะนำเป็น CPAXT, SPALI

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่าสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 4 ปี 2567 หดตัว 0.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 ที่หดตัว 2.0% โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัว แต่สินเชื่อ SMEs และสินเชื่อเช่าซื้อยังคงหดตัวต่อเนื่อง ด้าน NPL ลดลงมาอยู่ที่ 552.1 พันล้านบาท หรือ 2.78% ของสินเชื่อรวม ขณะที่สินเชื่อ Stage 2 เพิ่มขึ้นเป็น 6.98% ทั้งนี้ ผลประกอบการธนาคารปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย แต่ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของ SMEs และครัวเรือนที่มีรายได้ฟื้นตัวช้า

2.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่ากระทรวงเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในไตรมาส 2-3 ของปี 2568 เพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมาย 3% โดยจะมีทั้งมาตรการภาษี มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และมาตรการด้านสินเชื่อ รวมถึงการเตรียมออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อรถเชิงพาณิชย์ผ่าน บสย. ในอีก 3 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ กนง. พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ

3.รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พิชัย ชุณหวชิร จะนำคณะ BOI เยือนญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 19-21 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจะจัดงานสัมมนา “Thailand-Japan Investment Forum 2025” ที่โตเกียว เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า และเกษตรอัจฉริยะ ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI จำนวน 1,176 โครงการ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท โดยงานสัมมนาครั้งนี้มีนักลงทุนและผู้บริหารบริษัทญี่ปุ่นลงทะเบียนเข้าร่วมแล้วกว่า 300 ราย

4.สหรัฐและรัสเซียจัดการเจรจาระดับสูงครั้งแรกในรอบหลายปีที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย นานกว่า 4 ชั่วโมง โดยตกลงที่จะตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อยุติสงครามในยูเครน และหารือถึงการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรระหว่างกัน รวมถึงการเพิ่มเจ้าหน้าที่สถานทูต การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์และปูตินได้พูดคุยทางโทรศัพท์ โดยไม่มีการเชิญยูเครนเข้าร่วม ส่งผลให้ประธานาธิบดีเซเลนสกียกเลิกการเดินทางไปซาอุดีอาระเบีย และแสดงความไม่พอใจที่ถูกกีดกันจากการเจรจา ขณะที่ผู้นำยุโรปเร่งเตรียมแพคเกจสนับสนุนการป้องกันประเทศและช่วยเหลือเคียฟเพิ่มเติม

5.xAI บริษัท AI ของอีลอน มัสก์ เปิดตัวโมเดล AI รุ่นใหม่ชื่อ Grok 3 โดยอ้างว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAI และ DeepSeek ของจีนในการทดสอบเบื้องต้น ซึ่งรวมถึงการทดสอบมาตรฐานด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการเขียนโค้ด Grok 3 จะเริ่มให้บริการแก่ผู้ใช้แบบพรีเมียมของ X ในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันอังคาร พร้อมกับเปิดตัวบริการ “Deep Search” ที่จะทำหน้าที่เป็นเสิร์ชเอนจินรุ่นใหม่ ทั้งนี้ xAI ได้เพิ่มขนาดคลัสเตอร์ GPU เป็นสองเท่าสำหรับการฝึกฝน Grok 3

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

CPAXT : ราคาพื้นฐาน 39.30 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPAXT จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่แข็งแกร่ง โดยเติบโต 22.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้กำไรทั้งปีเติบโตประมาณ 22.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยกำไรในไตรมาส 4 ปี 2567 สูงกว่าที่ตลาดคาดประมาณ 5.5% และหากไม่รวมรายการพิเศษเช่นค่าใช้จ่ายจากการควบรวม กำไรปกติจะอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตของยอดขาย 4.7% และการปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 90 bps เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการปรับสินค้าและการจัดสรรต้นทุนใหม่ นอกจากนี้ เราคาดว่าในไตรมาส 1 ปี 2568 CPAXT จะยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% สำหรับธุรกิจค้าส่ง และ 1-3% สำหรับธุรกิจค้าปลีก โดยเราคาดว่าจะเริ่มเห็นประโยชน์จาก Synergy ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2568 เป็นต้นไป

SPALI : ราคาพื้นฐาน 18.00 บาท

เราแนะนำเก็งกำไรใน SPALI จากแนวโน้มเชิงบวกของงานในมือ (Backlog) สำหรับคอนโดมิเนียม หลังจากการประกาศแผนธุรกิจในปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย SPALI คาดว่าจะเพิ่มการเปิดตัวคอนโดมิเนียมเป็นสองเท่าจาก 5.8 พันล้านบาทเป็น 12.8 พันล้านบาท โดยเน้นที่ราคาที่น่าดึงดูด ทำเลที่ดี และแปลนห้องที่ดี เราคาดว่าหากโครงการที่ดำเนินการอยู่สามารถขายและโอนสินค้าคงเหลือได้ดี จะสามารถสร้างการเติบโตของกำไรได้ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ปัจจุบัน SPALI มีค่า P/E ปี 2568 ที่ 5.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 8.4 เท่า และมีอัตราเงินปันผลในระดับสูงประมาณ 9%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นเดือน ม.ค. คาดไว้ที่ 3.0% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.8% ต่อด้วยเงินเฟ้อทั่วไปของสหราชอาณาจักรคาดไว้ที่ 2.4% เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ 2.5% และเงินเฟ้อพื้นฐานคาดไว้ที่ 3.1% เทียบกับครั้งก่อนที่ 3.2% และดัชนีราคาผู้ผลิตคาดไว้ที่ -1.3% YoY, 0.1% MoM เทียบกับครั้งก่อนหน้า -1.5%, 0.1% และรายงานการประชุม FOMC
  • วันพฤหัสฯ ติดตามธนาคารกลางจีน PBOC คาดคงอัตราดอกเบี้ย LPR 1 ปีที่ 3.1% และ 5 ปีที่ 3.6% ต่อด้วยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานคาดไว้ที่ 220K เทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ 213K
  • วันศุกร์ ติดตามเงินเฟ้อของญี่ปุ่นคาดไว้ที่ 3.7% YoY, 0.2% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.6%, 0.6% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน ก.พ. ของญี่ปุ่นคาดไว้ที่ 49.6 ส่วนภาคบริการคาดไว้ที่ 52.2 ต่อด้วยทางยุโรปภาคการผลิตคาดไว้ที่ 46 และภาคบริการคาดไว้ที่ 50.5 และทางสหรัฐฯ ภาคการผลิตคาดไว้ที่ 51.3 และภาคบริการคาดไว้ที่ 52.7
- Advertisement -