บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
(-) CK, STECON – คาดผลประกอบการ 4Q24 ขาดทุน แรงกดดันหลักจากส่วนแบ่งบริษัทร่วม
CK – ประเมินงบ 4Q24 พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ -50 ลบ. (จากกำไร 1 พันลบ.ใน 3Q24 และ 156 ลบ.ใน 4Q23) สาเหตุมาจาก
1) ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมคาด -10% q-q, -48% y-y ที่ 308 ลบ. จาก BEM, CKP ลดลงตามฤดูกาล และโรงไฟฟ้าหลวงพระบางมีรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหลังเงินบาทอ่อนค่า
2) ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้ง SG&A และดอกเบี้ยจ่าย
- ส่วนธุรกิจก่อสร้างทรงตัว คาดรายได้ 9.3 พันลบ. (flat q-q, +5% y-y) และ GPM 7%
- ทำให้จบปี 2024 กำไรสุทธิคาดทำได้ 1.6 พันลบ. (+4% y-y) // ประกาศงบ 26 ก.พ.
STECON – ประเมินงบ 4Q24 ขาดทุนสุทธิ -105 ลบ. (จากขาดทุน -147 ลบ.ใน 3Q24 และกำไร 74 ลบ.ใน 4Q23)
- ภาพรวมถูกฉุดจากส่วนแบ่งขาดทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองยังสูงใกล้เคียง 3Q24 ที่ -150 ลบ. (จาก -51 ลบ.ใน 4Q23) และมีค่าซ่อมอุโมงค์บึงหนองบอนกดดัน
- โดยคาดรายได้ 7.75 พันลบ. -4% y-y แต่ +6% q-q จากการเริ่มงานโรงไฟฟ้าใหม่ปลายไตรมาส แต่ GPM คาดทรงตัวต่ำ 3.8% (เทียบกับ 3.6% ใน 3Q24 และ 5.1% ใน 4Q23)
- ทำให้จบปี 2024 คาดขาดทุนสุทธิ -216 ลบ. พลิกจากปี 2023 ที่เป็นกำไร 528 ลบ. // ประกาศงบ 28 ก.พ.
- แม้ราคาหุ้น YTD STECON ปรับลงแรงกว่า -49% เทียบกับ CK -21% แต่เรายังชอบ CK มากกว่าจากด้านพื้นฐานที่มีงานในมือสูงรองรับการเติบโตรายได้และ GPM มีเสถียรภาพกว่า อย่างไรก็ดี ระยะสั้นอาจขาด Catalyst จากแนวโน้มงบ 4Q24-1Q25 ไม่สดใส แนะรอเก็งกำไรหลังมีความชัดเจนทางด่วน Double deck และการประมูลงานใหม่
- ขณะที่ STECON ยังเผชิญปัจจัยลบทั้งความผันผวน GPM ที่กดดันจากงานบึงหนองบอนถึง 2Q25, ขาดทุนรถไฟฟ้าชมพู-เหลือง, แผนลงทุนธุรกิจใหม่ล่าช้า รวมถึงความเสี่ยงจากโครงการ CFP ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องผู้รับเหมาหลักและมียอดค้างบางส่วนที่ยังไม่ได้รับชำระเป็นประเด็น Overhang ยังไม่แนะนำตามเดิม