LDC ปรับพอร์ตสาขา – รุกตลาดภาคใต้ ชูทันตกรรมพรีเมียม มองหาโอกาสใหม่
LDC เผยปี 68 เดินหน้าเชิงรุกเจาะตลาดภาคใต้ ปักธง 3 สาขาใหม่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร และภูเก็ต เจาะลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อสูงและมองหาธุรกิจใหม่เสริมการเติบโต เน้นการตลาดเชิงคุณค่าชูคลินิกทันตกรรมแบบพรีเมียม รับมือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ปี 67 ปรับพอร์ตสาขา ลดภาระในระยะยาว ล่าสุดประกาศรายได้ 358 ล้านบาท ลดลงจากรายได้สาขาเดิม จากการปิดสาขาที่ขาดทุน รวมทั้งสาขาใหม่ที่เปิดล่าช้าทำให้ไม่สามารถรับรู้รายได้ตามเป้า ด้านฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง
ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ให้บริการคลินิกทันตกรรมพรีเมียมในนาม “LDC Dental” เปิดเผยว่า จากการปรับพอร์ตสาขาเดิมด้วยการปิดสาขาที่ขาดทุน 6 สาขาในปี 2567 ทำให้บริษัทไม่ต้องแบกรับภาระขาดทุนในระยะยาว ส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทมีความมั่นคง ในด้านภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งกระทบต่อรายได้สาขาเดิมในปี 2567 ลดลง 10% นั้น ในปี 2568 บริษัทจะเน้นรักษาฐานลูกค้าเก่า และปรับกลยุทธ์การตลาดที่จะกำหนดคุณค่าของแบรนด์ LDC ให้ชัดเจนยิ่งขี้น รวมทั้งการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ประกอบกับบทเรียนของความล่าช้าจากการดำเนินงานก่อสร้างสาขาใหม่ ทำให้บริษัทต้องทบทวนการบริหารจัดการและริเริ่มการก่อสร้างรูปแบบใหม่ที่สามารถลดเวลาและลดขนาดการลงทุนได้ นอกจากนี้ในปี 2568 บริษัทจะรุกตลาดผลิตภัณฑ์ และทำธุรกิจใหม่เสริมรองรับการเติบโตในอนาคต ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 21 สาขา แบ่งเป็นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 15 สาขา และต่างจังหวัด 6 สาขา
“ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ลดลงจากหลายปัจจัย อาทิ รายได้สาขาเดิมลดลงอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ รายได้ลดลงจากการปิดสาขาที่ขาดทุน 6 สาขา แต่ทำให้ฐานะการเงินบริษัทมั่นคงขึ้น และปัจจัยที่ไม่สามารถรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ที่เปิดล่าช้า ได้แก่ สาขาตรัง ตั้งเป้าเปิดภายในไตรมาส 2 แต่เปิดให้บริการในช่วงกลางไตรมาส 4 ปี 2567 อีกทั้งสาขาสุราษฎร์ธานีและสาขาชุมพรที่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง เป็นต้น ในปี 2568 บริษัทจะปรับกลยุทธ์การเติบโตให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ และจะรุกตลาดผลิตภัณฑ์ รวมทั้งหารายได้เสริมจากธุรกิจใหม่ๆด้วยความระมัดระวัง คาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 2568 จะฟื้นตัวดีขึ้น ” ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 357.86 ล้านบาท ลดลง 13.43% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ลดจากสาขาเดิมและการปิดบางสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการทำกำไร และแผนการเปิดสาขาใหม่ที่ล่าช้ากว่ากำหนด รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อลดลง ส่งผลต่อการชะลอการตัดสินใจ ด้านกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 66.96 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 4.96 ล้านบาท