SVR โกยรายได้จากโครงการเพื่อขายปี 67 แตะ 862.27 ล้านบาท โต 4.62% เดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ UPPER CLASS สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท หรือ “SVR” เผยผลงานปี 67 โตแกร่ง กวาดรายได้จากโครงการเพื่อขาย 862.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.62% รับอานิสงส์ทยอยโอน 8 โครงการ พร้อมเดินหน้าเร่งงดำเนินการคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระรอบถัดไป หวังต้นทุนทางการเงิน หนุนผลตอบแทนที่ดี และพร้อมมุ่งสู่การพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อยกระดับความเป็น UPPER CLASS เจาะกลุ่ม High–End ตอบโจทย์การเติบโตระดับ High Growth
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากโครงการเพื่อขาย ที่ระดับ 862.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.62% จากปีก่อนที่มีรายได้จากโครงการเพื่อขาย จำนวน 824.16 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ จำนวน 26.42 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 275.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 215.87 ล้านบาท
โดยปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 2 โครงการ ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้ จาก 8 โครงการ โดยมีรายได้ส่วนใหญ่จากการขายโครงการสิวารมณ์ แกรนด์ (สุขุมวิท-บางปู) จำนวน 186.09 ล้านบาท, โครงการ สิวารมณ์ วิลเลจ (สุขุมวิท-บางปู 58) จำนวน 265.56 ล้านบาท, โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส (อัสสัมชัญ-ศรีราชา) จำนวน 85.16 ล้านบาท, โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส 2 (สุขุมวิท – บางปู) จำนวน 21.84 ล้านบาท, โครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) จำนวน 189.72 ล้านบาท ในส่วนของโครงการใหม่ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) ซึ่งมีรายได้จำนวน 69.48 ล้านบาท และโครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (บางแค-สาทร) มีรายได้ จำนวน 31.28 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ได้มีการจ่ายชำระหุ้นกู้ก่อนกำหนดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินลดลงตามไปด้วย รวมถึงบริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการการขายโครงการที่มีอยู่ให้เกิดความสมดุลสูงสุด เพื่อสร้างกระแสเงินสดกลับคืนมา
“ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้แจ้งใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ “SVR253A” ครั้งที่ 1/2566 ชุดที่ 1 ก่อนกำหนด ที่ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 มูลค่าทั้งสิ้น 90,600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาภาระดอกเบี้ยจ่ายส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ ที่อยู่ในระดับต่ำอยู่แล้วลดลงไปอีก สะท้อนถึงศักยภาพการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงิน และยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน รวมถึงกลยุทธ์การวางแผนบริหารทางการเงินได้เป็นอย่างดี”
นายรณฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการวางแผนเตรียมคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระรอบถัดไปในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงฐานะความมั่นคงทางการเงินของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ พร้อมที่จะมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ให้สอดรับกับเป้าหมายของบริษัทฯ ที่พร้อมก้าวสู่การพัฒนาและยกระดับโครงการสู่ UPPER CLASS เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับ High-End สู่การสร้างการเติบโตระดับ High Growth ในอนาคต