บล.กรุงศรีฯ:
KSS Strategist Comment : SET Update 10.52 น. SET ที่ลงแตะ 1186.36 จุด (ใกล้เคียง Low เดือน ตค 2020 ที่ตลาดพักมาหลังเด้งสู่ 1454 หลัง Covid-19 3เดือน) ทำให้ Equity Risk Premium ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันสูง 4.97% ใกล้ 5% (+2SD หรือ Implied SET 1180 จุด) กลยุทธ์ ในภาวะตลาดผันผวนปัจจุบันคงต้องมองเพื่อโอกาสระยะกลาง-ยาว เน้นหุ้น 7 Deep Value Stocks หรือทยอยแบ่งไม้ซื้อ เนื่องจากตลาดเข้าสู่ Deep Value Zone และยังแกว่งเพื่อหาจุดต่ำสุดอยู่
Key Idea :
1) SET ที่แตะ 1186วันนี้นี้ ทำให้ Equity Risk Premium ขอตลาดหุ้นไทยพุ่งสู่ 4.97% กำลังจะแตะ 5%!!!(+2SD ซึ่งเป็นระดับ Deep Value Market ในอดีต SET แตะตรงนี้หรือมากกว่า +2SD ในปี 2020 Covid-19, น้ำท่วมใหญ่ในประเทศปี 2011 และ Subprime Crisis) สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยถูกมากแล้ว และน่าจะเป็นจุดที่ Value Investors & Ultra High Net-worth ไทย เริ่มมองเป็นโอกาสการลงทุน หุ้น Core Business แข็งแกร่ง , Deep Value เพื่อโอกาสการฟื้นตัวในระยะกลางถึงยาว
2) โครงสร้าง SET ยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว จากการสำรวจหุ้นในตลาดของไทยปัจจุบัน 914บริษัท SET+mai พบว่าหุ้นที่ PER < 12X มีสัดส่วนราว 37%, PBV < 1 ราว 54% , Dividend Yield > 3% ราว 53%
Catalyst : ของตลาดหุ้นไทย
• การฟื้นฟูเศรษฐกิจ(Real Fundamental) น้ำหนัก 50% ด้วยภาพนโยบายการคลัง + นโยบายการเงิน ที่ดูสอดคล้องมากขึ้น น่าจะมีโอกาสหนุน Domestic Demand โดย 1H25 KRUNGSRI Research คาดจะมีเม็ดเงินสูงกว่า 2.6 แสนล้านบาท (คิดเป็น 1.4% ของ GDP) เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และฝั่ง Investment น่าจะเร่งขึ้นทั้งฝั่ง FDI และฝั่ง Corporate ซึ่งภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวจะเป็น Impact บวกต่อ BANK ในระยะกลาง และมีผลมากว่า NIM ที่แคบลง
• รัฐบาลกำลังหามาตรการกระตุ้นในประเทศให้ GDP ขยายตัว 3.1%-3.5% จาก 1) ลดเก่าแลกรถใหม่หนุน Auto Industry Related 2) มาตรการเที่ยวในประเทศ และ 3) การผ่อนปรน LTV เพื่อกระตุ้นอสังหาฯ จะเป็นพัฒนาการภายในในระยะถัดไป
• Domestic Liquidity น้ำหนัก 50% : ความพยายามฟื้นฟู Domestic Long Term Funds จากความพยายามเดินหน้า ThaiESG2 รองรับ LTF เดิม โดยเฉพาะถ้าขยายกรอบการลดหย่อน 5แสนบาท/ปี เท่า LTF จะเป็นปัจจัยฟื้นความเชื่อมั่นต่อเม็ดเงินลงทุนระยะกลาง-ยาว ที่จะเพิ่มขึ้นในระยะกลาง มีเสถียรภาพขึ้น
Strategy : KSS มองโอกาสระยะยาวน่าสนใจ และการลดดอกเบี้ยกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นการสะท้อนนโยบายการเงิน+การคลังที่ไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น ในวันที่ตลาดเป็น Deep Value Market คงทยอยสะสมเพื่อระยะยาว คงแนะนำ
• 7 Deep Value Stocks : CPALL, HMPRO, BH, BDMS, MINT, SCGP, GPSC
• เช่าซื้อ MTC (บวกทั้งจากดอกเบี้ยลดลง และคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น)
• อสังหา AP (บวกทั้งจากดอกเบี้ยลดลง และรอความคืบหน้ามาตรการ LTV)
• High Yield ADVANC (หุ้นปันผลน่าดึงดูดขึ้น ในเชิงเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยที่ลดลง)
• หนี้สูง CPALL, MINT (ภาระดอกเบี้ยจะลดลง เปิด Upside กำไร)
• ท่องเที่ยว AOT, BA (ยังคงเป็นแกนหลักหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว)
• ส่วนธนาคารเน้นตั้งรับ โดยเราให้น้ำหนักมุมมองทางบวกต่อคุณภาพหนี้จะสูงกว่าผลกระทบการลดดอกเบี้ย KBANK KTB