SEI เดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์ตั้งเป้าปีนี้โต 20% รุกอุปกรณ์ห้องไอซียู-เช่าซื้อเครื่องมือแพทย์-เพิ่มแบรนด์คลุมทั่วโลก

“เอสอีไอ เมดิคัล”  ประกาศแผนธุรกิจปี 2568  ในงานพบผู้ลงทุน ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%  เผยเทรนด์ Healthcare มีศักยภาพเติบโตสูงจากแนวโน้มที่ไทยและโลกเข้าสู่สังคมสูงวัย เดินหน้าให้บริการธุรกิจผลิตภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ครอบคลุม 6 กลุ่มธุรกิจ ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องไอซียู เพิ่มศักยภาพด้านบริการหลังการขาย และการเช่าซื้อเครื่องมือแพทย์ รวมทั้งเพิ่มพันธมิตรธุรกิจเป็น 25  แบรนด์ครอบคลุมทั่วโลกจากปัจจุบัน 17 แบรนด์ หวังตอบโจทย์ลูกค้า  ขณะที่ผลงานปี 2567 all time high รายได้รวม 444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.81%  และมีกำไรสุทธิ 53.42 ล้านบาท เติบโตแรงกว่า 144%

นายกานต์ ปุญญเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ SEI ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและเช่าอุปกรณ์การแพทย์และวิทยาศาสตร์แบบครบวงจร (One stop service ) ได้นำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียน พบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า  20% จากปี 2567 โดยได้รับปัจจัยบวกธุรกิจ Healthcare มีศักยภาพเติบโตสูงจากแนวโน้มที่ประเทศไทยและโลกเข้าสู่สังคมสูงวัย แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะมีความผันผวน

โดยในปีนี้บริษัทได้ขยายผลิตภัณฑ์เครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ ให้ครบวงจรในทุกมิติ เพื่อเพิ่มการให้บริการในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาของชีวิต และในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ จาก 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ เป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ และเพิ่มกลุ่มวัสดุสิ้นเปลือง เพื่อสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ไตรมาแรกปีนี้บริษัทได้ขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มในกลุ่มให้บริการผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับห้องไอซียู (ICU: Intensive Care Unit)

ทั้งนี้มูลค่าตลาดอุปกรณ์การแพทย์ในแผนก ICU ของประเทศไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 5,000 – 6,000 ล้านบาท ครอบคลุมอุปกรณ์ ICUหลากหลายประเภท เช่น เครื่องช่วยหายใจ, เครื่องมอนิเตอร์การเต้นของหัวใจ, เครื่องวัด

สัญญาณชีพ,เครื่องฟอกไต, เครื่องช่วยหายใจแบบพกพา, และอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงอื่นๆ ที่ใช้ในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต ตลาดเครื่องช่วยหายใจ (Ventilator)

ด้านส่วนแบ่งการตลาด หรือ market share ในประเทศไทยปีนี้  มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดเครื่องช่วยหายใจ คาดว่ามีมูลค่ารวมประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการขยายตัวของการดูแลผู้ป่วยวิกฤต จากการระบาดของโรคติดเชื้อที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น COVID-19  ,การพัฒนาเทคโนโลยี เครื่องช่วยหายใจให้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการดูแลผู้ป่วยที่ต้องการการช่วยหายใจใน ICU ได้รับความนิยมมากขึ้น , การเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุและมีความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวกับระบบหายใจมาก  และการพัฒนาขยายการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ จากการเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลและคลินิก

นายกานต์ยังกล่าวด้วยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจเป็น 25 แบรนด์ครอบคลุมทั่วโลก จากปัจจุบันมีพันธมิตรอยู่ 17 แบรนด์ที่กระจายอยู่ในประเทศต่างๆ ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย และจีน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายและต่อยอดธุรกิจการให้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งในเรื่องการให้บริการซ่อม บำรุงรักษา ดูแลอุปกรณ์ทางการแพทย์ และอบรมบุคลากรทางการแพทย์ในการใช้เครื่องมือใหม่ โดยในส่วนนี้บริษัทคาดหวังอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%

นายกานต์ยังกล่าวอีกว่า แนวโน้มธุรกิจให้เช่าซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็เป็นอีกเทรนด์ที่กำลังมาแรง ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะให้บริการด้านนี้เพิ่มขึ้น ตามความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทจะดำเนินการให้เช่าซื้อทั้งรูปแบบ ระยะสั้น กลาง และระยะยาว

ส่วนผลการดำเนินงานในงวดปี 2567  ว่า ถือเป็นปีที่ดี และโดดเด่น เนื่องจากทั้งรายได้และกำไรสุทธิ สามารถเติบโตแบบ all time high  โดยรายได้รวม 443.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12.81% มีกำไรสุทธิ 53.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.26%  จากงวดปี 2566 สินค้าที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท   ยังเป็นกลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ (Endoscope) และกลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด (Neonatal Care) ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นมาก

- Advertisement -