KS Daily View 17.03.2025 >>> SET รีบาวด์จาก China Play รับจีนเตรียมเผยมาตรการกระตุ้นวันนี้ มองกรอบ SET วันนี้ 1,160-1,180 จุด แนะนำ CPALL, BDMS

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,155-1,190 จุด โดยแนวโน้มหลักยังเป็นขาลง แต่ระยะสั้นเริ่มมีการแกว่งตัวเพื่อสร้างฐาน ปัจจัยสำคัญของสัปดาห์นี้คือการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง เริ่มจาก BOJ ในวันพุธช่วงเช้าที่คาดจะคงดอกเบี้ย 0.50% หลังเพิ่งปรับขึ้นเมื่อต้นปี ซึ่งหากส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย เงินเยนอาจกลับมาอ่อนค่า และการประชุม Fed ในคืนวันพุธที่คาดคงดอกเบี้ย 4.50% โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ dot plot ว่า Fed จะให้น้ำหนักกับผลกระทบจากนโยบายการค้าของทรัมป์ในด้านการเติบโตเศรษฐกิจหรือเงินเฟ้อมากกว่ากัน หาก Fed ยังคงท่าที wait-and-see และปรับคาดการณ์เล็กน้อย Bond yield อาจปรับขึ้นและดอลลาร์แข็งค่า แต่สินทรัพย์เสี่ยงน่าจะตีความเป็นบวก แต่หากปรับคาดการณ์ลงมาก อาจกระตุ้นความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย สำหรับปัจจัยในประเทศ ติดตามการประชุม ครม. เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการผ่อนคลาย LTV กระตุ้นอสังหาฯ ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และมาตรการเสริมความเชื่อมั่นตลาดทุนผ่านโครงการ JUMP+ และ TISA โดยรวมตลาดยังผันผวนตามประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงตลอด หุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้ PTT TRUE BDMS CPALL KCE

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,173.76จุด ปรับตัวขึ้นราว 14 จุด ตามตลาดในภูมิภาค โดยมีหุ้นในกลุ่มที่เชื่อมโยงกับจีนที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่นทั้งปิโตร วัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ ขานรับทางการจีนเตรียมเผยมาตรการกระตุ้นการบริโภคในวันจันทร์นี้ เราประเมินตลาดวันนี้แกว่งตัวสร้างฐานที่กรอบ 1,160-1,180 รอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสำคัญในช่วงกลางสัปดาห์ หุ้นแนะนำวันนี้เป็น CPALL, BDMS

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1. รัฐบาลจีนได้ออกแผนปฏิบัติการฟื้นฟูการบริโภคฉบับใหม่ที่มุ่งกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ โดยมีมาตรการสำคัญหลายด้าน ได้แก่ การส่งเสริมการเติบโตของรายได้ประชาชนผ่านการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและการขยายโอกาสการจ้างงาน การเสริมสร้างความสามารถในการบริโภคผ่านระบบสวัสดิการที่ครอบคลุมมากขึ้น การยกระดับคุณภาพการบริการโดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุและเด็ก การกระตุ้นการซื้อสินค้าใหญ่และสินค้าคงทน รวมถึงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการบริโภคให้ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ที่สำคัญในนโยบายเศรษฐกิจของจีนที่ต้องการพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น

2. ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งการโจมตีทางทหารขนาดใหญ่ต่อกลุ่มฮูธีในเยเมนที่สนับสนุนโดยอิหร่าน เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2025 เนื่องจากกลุ่มฮูธีได้โจมตีเรือในทะเลแดงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 คนและบาดเจ็บ 101 คน ส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็ก ทรัมป์ยังเตือนอิหร่านให้หยุดการสนับสนุนกลุ่มฮูธีโดยทันที ขณะที่กลุ่มฮูธีประกาศว่าพร้อมตอบโต้การโจมตีครั้งนี้ การปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ถือเป็นปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม และอาจดำเนินต่อไปอีกหลายสัปดาห์

3. วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณระยะเวลา 6 เดือนเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล ด้วยคะแนนเสียง 54-46 โดยมีสมาชิกพรรคเดโมแครต 2 คนร่วมลงคะแนนกับพรรครีพับลิกัน หลังจากที่ Chuck Schumer ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาประกาศสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ แม้จะถูกวิจารณ์จากพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร โดย Schumer ให้เหตุผลว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลจะเลวร้ายกว่าการผ่านร่างกฎหมายของพรรครีพับลิกัน เพราะจะทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์และกระทรวง DOGE มีอำนาจมากขึ้นในการตัดลดบุคลากรและบริการของรัฐ ร่างกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้จนถึง 30 กันยายน 2025

4. Baidu บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนได้เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ 2 รุ่น โดยรุ่นแรกคือ ERNIE X1 ซึ่งบริษัทอ้างว่ามีประสิทธิภาพทัดเทียมกับโมเดล DeepSeek R1 แต่มีต้นทุนเพียงครึ่งเดียว และรุ่นที่สองคือ ERNIE 4.5 ที่มีความสามารถในการเข้าใจข้อมูลหลากหลายรูปแบบ (multimodal) รวมถึงมีความสามารถด้านภาษาที่ก้าวหน้าขึ้น

5. โครงการบ้านเพื่อคนไทยจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. วันที่ 18 มีนาคม 2568 โดยระยะที่ 1 จะมีการก่อสร้างที่อยู่อาศัย 5,700-5,800 ยูนิต ใน 4 พื้นที่นำร่อง ได้แก่ บางซื่อ ธนบุรี เชียงราก และเชียงใหม่ มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 2.7 แสนคน และผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นจาก ธอส. แล้ว 1.6 แสนราย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 2569 และส่งมอบได้ตั้งแต่ปลายปี 2569 ถึงต้นปี 2570 ส่วนระยะที่ 2 จะมีการก่อสร้างเพิ่มอีก 7,000 ยูนิต ใน 5 พื้นที่ รวมเป็น 12,000 ยูนิต โดยผู้ที่ไม่ได้รับการจับสลากในระยะที่ 1 ยังมีสิทธิ์เข้าร่วมในระยะที่ 2 ได้

Daily pick

CPALL : ราคาพื้นฐาน 78.00 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ CPALL จากการประชุมที่ผ่านมา โดยผู้บริหารให้แนวทางการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ปี 2568 สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจบวกอัตราเงินเฟ้อ หรือประมาณ 3-5% ในขณะที่ 2 เดือนแรกของปี 2568CPALL สามารถแสดงการเติบโตของ SSSG ที่ระดับ 3.5% และตั้งเป้าการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้นที่ 10-20 bps และจากการสอบถามผู้บริหารล่าสุดคาดว่าในไตรมาส 1 ปี 2568 จะสามารถปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ จากการลดการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ เช่น บุหรี่ และคาดว่าจะได้รับประโยชน์จาก Synergy ของ CPAXT ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เป็นหลัก จากทั้งการใช้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงและการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นของทั้ง Makro และ Lotus ในปี 2568

BDMS: ราคาพื้นฐานที่ 29.40 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ BDMS โดยผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 7-8% ในครึ่งแรกของปี 2568 และตั้งเป้าอัตรากำไร EBITDA ที่ 24-25% ทั้งปี โดยคาดว่ารายได้จากคนไข้ไทยจะเติบโต 5% และรายได้จากคนไข้ต่างประเทศจะเติบโตมากกว่า 10% รายได้จากคนไข้ไทยจะเติบโตจากทั้งกลุ่มที่จ่ายเงินเองและกลุ่มประกัน โดยเฉพาะคนไข้กลุ่มรายได้ปานกลาง ส่วนคนไข้รายได้สูงไม่ได้รับผลกระทบมาก รายได้จากกลุ่มประกันในเดือนมกราคมเติบโต 6% ส่วนรายได้จากคนไข้ต่างประเทศเติบโตดีแบบกระจายตัวหลายประเทศ โดยกลุ่มตะวันออกกลางเติบโต 24-26% ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2568 และกลุ่ม CLMV เติบโต 15% ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2568 เทียบกับ 7% ในปี 2567 โดยเราคาดว่าผลกระทบจากความกังวลเรื่อง Co-payment มีจำกัด โดยบริษัทระบุว่าผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์โรคง่ายที่ได้รับการนอนรักษาตัวมีเพียงประมาณ 1-2% ของรายได้ทั้งหมด

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (China Industrial  Production) ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ +5.3% YoY ต่อด้วย ดัชนียอดค้าปลีก (China Retail Sales) ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.8% YoY ในส่วนของสหรัฐมีการรายงานดัชนียอดค้าปลีก (US Retail Sales) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.7% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.9% MoM
  • วันอังคาร ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐรายงานจำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (US Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.38 ล้านหลัง เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.37 ล้านหลัง และ รายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (US Building Permits) ของสหรัฐ เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.45 ล้านหลังหดตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.47 ล้านหลัง
  • วันพุธ ติดตามผลการประชุมของ BoJ โดยตลาดคาดว่า BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% ต่อด้วยผลการประชุมของ Fed เรื่องดอกเบี้ยนโยบาย ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยระดับ 4.25-4.50% และคาดการณ์แนวโน้มของเศรษฐกิจของสหรัฐจากทางธนาคารกลาง
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐ (US Existing Home Sale) เดือน ก.พ. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.93 ล้านหลังปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.08 ล้านหลัง และ ตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สหรัฐ (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.20 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.60% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% YoY และ เงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ 2.50% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -