Daily Focus: แกว่งตัวรอ FED คืนนี้ หากผ่าน 1,180+- จุดได้ ระยะสั้นดูดีขึ้น
2025 SET Target: 1390
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวผัวผวนระหว่างวัน แต่ยังสามารถฟื้นตัวได้และปิดบวก 5.97 จุด ณ สิ้นวันที่ระดับ 1,176.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.9 หมื่นลบ. โดยมีแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธนาคารที่หนุนตลาด สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 434 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 886 ลบ. (แต่ Short Index Futures สุทธิ 3.2 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,170-1,185 จุด โดยประเมินว่าความผันผวนอาจลดลง และคาดตลาดรอติดตามการประชุม FED คืนนี้ ซึ่งแม้จะคงดอกเบี้ยค่อนข้างแน่ แต่โฟกัสอยู่ที่ถ้อยแถลงหลังการประชุมต่อทิศทางเศรษฐกิจเงินเฟ้อ รวมถึงประมาณการเศรษฐกิจและ Dot Plot ใหม่ โดยล่าสุด Survey ของ BofA ระบุว่าตลาดลดการถือครองหุ้นสหรัฐฯ และโยกเข้าหาฝั่งยุโรป EM รวมถึงถือเงินสดมากขึ้น ส่วนภาพ Sector ตลาดลดน้ำหนักกลุ่มเทคโนโลยี พลังงาน ลง แต่เพิ่มในกลุ่ม Consumer Staple ธนาคาร สาธารณูปโภค สะท้อนความระมัดระวังที่มากขึ้น ด้านสงคราม ล่าสุดแม้รัสเซียจะปฏิเสธการหยุดยิง หลังพูดคุยกับสหรัฐฯ แต่ระบุว่าจะเลี่ยงการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบกลับมาชะลอตัวลงอีกครั้ง ส่วน ปัจจัยในประเทศวานนี้ ครม.ยังไม่ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ อย่างที่ตลาดคาดหวัง โดยต้องติดตามต่อในสัปดาห์หน้า ภาพรวมเราประเมินว่า SET Index ที่ปรับตัว ร่วงแรงราว 20% จาก High เดือน ต.ค. 24 ทำให้ Valuation ระยะกลาง-ยาวน่าสนใจ โดยเทรด PER และ PBV เพียง 12.5 เท่าและ 1.13 เท่า ตามลำดับ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ ทำให้ยังมองเป็นจังหวะในการทยอยสะสม โดยยังคงชอบกลุ่ม Domestic และ Tourism-Related Play ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่า Global-Related Play ที่อาจถูกกระทบจากความไม่แน่นอนของประเด็นการค้าและเศรษฐกิจโลก ส่วนระยะสั้นเน้น Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้ม 2025 แข็งแกร่งและ Valuation ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BA, BTG, CPALL, MTC, PR9
FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR
หุ้นเด่น Finansia 19 มี.ค. 25 : ICHI
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท
- เบื้องต้นคาดกำไร 1Q25 ทรงตัว q-q และ y-y แต่จะเริ่มขึ้นใน 2Q25 จาก High Seasonหลังได้ลูกค้า OEM เต็มไตรมาส รวมถึงเตรียมออกสินค้าใหม่หลายรายการในช่วง 1H25
- แผนการขายที่ดิน คาดจะแล้วเสร็จและบันทึกกำไรได้ใน 2Q-3Q25 ขณะที่ปัจจุบันพันธมิตรเริ่มสร้างโรงงานแล้ว คาดแล้วเสร็จและเริ่มเปิดได้กลางปี 2026 จุดเด่นของ ICHI ยังอยู่ที่ Valuation ที่ถูก ปัจจุบันเทรด PER เพียง 11 เท่า และให้ Dividend Yield ทั้งปีสูงราว 9%
- แนวรับ 12 บาท แนวต้าน 13//14 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงผสมผสาน แต่สุทธิแล้วพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคบางๆ US$69 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้ US$278 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$74 ล้าน ส่วนด้านอาเซียนไหลออกสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$150 ล้าน แต่ไหลเข้าไทย US$26 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดทรงตัว โดยรอติดตามผลการประชุมและ ถ้อยแถลงของประธาน FED คืนนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ความกังวลเศรษฐกิจอินโดนีเซีย อาจเป็น sentiment เชิงลบต่อหุ้นที่มีรายได้ในตลาดอินโด โดยบริษัทในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ที่มีสัดส่วนรายได้ขายไปยังอินโดนีเซีย ได้แก่ SAPPE คาดสัดส่วนไม่เกิน 10% ของรายได้รวม TKN 10-15% RBF สัดส่วนราว 7.8% SNNP ต่ำกว่า 1% ICHI 0.7% เรามองข่าวอินโดเป็นเพียง sentiment เชิงลบต่อหุ้นดังกล่าว แต่คาดผลกระทบจำกัด เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะ RBF ที่ขาย food coating ไปยังผู้ผลิตอาหารที่จำเป็นต่อการบริโภค ส่วน SCGP มีสัดส่วนรายได้จากอินโดนีเซียราว 14%
(+) GFPT Valuation อยู่ในระดับต่ำมากและต่ำที่สุดในกลุ่มเนื้อสัตว์ ราคาหุ้นของ GFPT ปรับตัวลดลงไปแล้วถึง 20% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และปัจจุบันมีการซื้อขายที่เพียง 6.6x 2025E P/E เราคาดกำไร 1Q25 จะฟื้นตัวดี q-q หุ้นมีปัจจัยบวกหลายประการ อาทิ ราคาไก่ที่ดี ราคาวัตถุดิบที่ลดลง และส่วนแบ่งกำไรที่ฟื้นตัว คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 1.56 พันลบ. และราคาเป้าหมาย 12.5 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) EGCO ปี 2025 บริษัทตั้งงบลงทุนราว 3 หมื่นลบ. เพื่อเพิ่มกำลังผลิต ขณะที่รายได้ปี 2025 ที่จะลดลงหลังโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน QPL ฟิลิปปินส์ 460MW ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักที่มีสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานกว่า 24% ของ EGCO ที่อยู่ระหว่างการต่อสัญญาใหม่เดือนนี้ และจะหยุดซ่อมบำรุง 62 วันใน 3Q25 แต่จะถูกชดเชยจากโรงไฟฟ้าลม Yunlin 640MW COD ตั้งแต่ต้นปีนี้ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน APEX สหรัฐ มีโอกาสเติบโตสูง ค่าไฟที่ปรับขึ้นและจะมีกำลังผลิตเพิ่มอีก 841MW คาดแนวโน้มกำไรปี 2025 flat y-y บริษัทคงนโยบายจ่ายเงินปันผล 6.50 บาท/หุ้น/ปี Yield 7% ราคาหุ้นที่ลงลึกจนเทรด P/BV เพียง 0.48 เท่า ขณะที่ Downside มีจำกัด น่าจะเป็นโอกาสลงทุน
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 260.32 จุด หรือ -0.62%, ปิดที่ 41,581.31 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงผลการประชุมนโยบายการเงิน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หลังจากรัฐสภาเยอรมนีอนุมัติแผนการใช้จ่ายจำนวนมหาศาล ขณะที่นักลงทุนจับตารายละเอียดจากการเจรจาทางโทรศัพท์ระหว่าง ผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซีย ซึ่งอาจมีผลต่อข้อตกลงสันติภาพในยูเครน
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกสลับลบ หลังนักลงทุนกลับมาขายหุ้นกลุ่มเทคสหรัฐฯ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 33.61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.04%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 66.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดลดลงกว่า 1% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้หารือกันเกี่ยวกับการยุติสงครามใน ยูเครน ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของรัสเซียในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 66.76 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.21%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 34.70 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 3,040.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและความไม่แน่นอนด้านการค้าอันเนื่องมาจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ลงลงอยู่ที่ระดับ 3,039.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.05%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 907.27/-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 มี.ค. | ญี่ปุ่น: ประชุม BoJ // สหรัฐ: ประชุมเฟด |
20 มี.ค. | ยูโรโซน: ประชุม BoE // สหรัฐ; Existing Home Sales |
21 มี.ค. | ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ (ก.พ.) |
25 มี.ค. | สหรัฐ: New Home Sale (ก.พ.) |
26 มี.ค. | ไทย: ส่งออก (ก.พ.) // อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ก.พ.) |