KS Daily View 20.03.2025>>> S&P 500 รีบาวด์ขึ้น หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% ตามคาด ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 2 ครั้งตามเดิม ยันเศรษฐกิจยังดีแม้มีความเสี่ยงจาก Tariffs ด้านหุ้นไทยปรับตัวขึ้น Outperform ภูมิภาค มองปรับตัวขึ้นต่อ กรอบวันนี้ 1,180-1,220 แนะนำ AP, CPN

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทุกดัชนีและทุกกลุ่มอุตสาหกรรม หลัง Fed มีมติคงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ตามคาด โดย Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.92% S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.08% และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.41% แม้ Fed จะปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือ 1.7% จาก 2.1% และเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อพื้นฐานเป็น 2.8% จาก 2.5% แต่ยังคงมุมมองการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2025 โดยประธาน Fed พาวเวลล์ยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งและผลกระทบจากภาษีศุลกากรต่อเงินเฟ้ออาจเป็นเพียงชั่วคราว และยังประกาศลดวงเงินพันธบัตรที่จะปล่อยให้ครบกำหนดโดยไม่ต่ออายุ (QT) เหลือเดือนละ 5 พันล้านดอลลาร์จาก 25 พันล้านดอลลาร์  ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลและกลับมาเชื่อมั่นแม้จะมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,189.66 จุด ปรับตัวขึ้นราว 13 จุด (+1.15%) มูลค่าการซื้อขาย 42,700 ล้านบาท ทำได้โดดเด่นกว่าตลาดในภูมิภาค หนุนโดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก สื่อสาร และขนส่ง ในขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และโรงพยาบาล ปรับตัวลงเล็กน้อย โดยเรามองตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นและน่าจะมีฐานบริเวณ 1,160 เป็นแนวรับ จากการประชุม FOMC ที่มีมติคงดอกเบี้ย แต่มีการส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ตามเดิม ทำให้ตลาดมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังค่อนข้างดี

เรามองวันนี้ SET น่าจะปรับตัวขึ้นต่อได้ ประเมินกรอบวันนี้ที่ 1,180-1,220 หุ้นแนะนำเป็น AP, CPN

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25-4.5% ตามที่ตลาดคาด ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวและเงินเฟ้ออาจยังสูง โดยปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 1.7% จาก 2.1% และเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อพื้นฐานเป็น 2.8% จาก 2.5% และคงมุมมองการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2025 ขณะที่ประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ระบุว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ และอาจทำให้การควบคุมเงินเฟ้อล่าช้าออกไป นอกจากนี้ Fed ยังประกาศลดวงเงินพันธบัตรที่จะปล่อยให้ครบกำหนดโดยไม่ต่ออายุ (QT) เหลือเดือนละ 5 พันล้านดอลลาร์จาก 25 พันล้านดอลลาร์
  2. ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาซูโอะ อุเอดะ แถลงว่ามาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลกและอาจกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่พึ่งพาการส่งออก แม้ BOJ มีความคืบหน้าเรื่องค่าจ้างและเงินเฟ้อใกล้เป้าหมาย 2% แต่ยังคงดอกเบี้ยที่ 0.5% เพื่อประเมินผลกระทบเพิ่มเติม โดยเตรียมพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสอดคล้องกับการคาดการณ์ ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ยังคงสูงและต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในรายงานไตรมาสหน้า
  3. กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติการลงทุนโครงการ บ้านเพื่อคนไทย วงเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท ในสัปดาห์หน้า หลังจากเลื่อนออกไปเพื่อทบทวนรายละเอียดเพิ่มเติม โดยโครงการระยะแรกจะพัฒนาบนพื้นที่ศักยภาพสูง 25 แปลง เริ่มนำร่อง 4 แปลง รวม 5,700 ยูนิต เช่น บางซื่อ กม.11, ธนบุรี, เชียงราก และเชียงใหม่ ส่วนระยะที่ 2 จะเพิ่มอีก 7,000 ยูนิต รวมทั้งโครงการ 12,000 ยูนิต โดยบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) อยู่ระหว่างสำรวจความต้องการเพื่อกำหนดรูปแบบที่เหมาะสมต่อไป
  4. คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ วุฒิสภา เรียกผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน เข้าให้ข้อมูลในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เกี่ยวกับผลกระทบของการใช้โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ (HFT) ร่วมกับการชอร์ตเซลหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดหุ้น โดยผู้ที่ถูกเรียกประกอบด้วยปลัดกระทรวงการคลัง ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ กลต. สภาธุรกิจตลาดทุน และสมาคมนักลงทุน เพื่อพิจารณาว่าควรปรับปรุงหรือชะลอการใช้ระบบดังกล่าวหรือไม่
  5. นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเผย ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เตรียมเข้าสู่ ครม. เร็ว ๆ นี้ กำหนดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 10% และจำกัดผู้เล่นต้องมีเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท พร้อมห้ามนักการเมือง-ข้าราชการระดับสูงเข้าเล่น คาดกฎหมายเสร็จปีนี้ นักลงทุนรายใหญ่สนใจลงทุน โดยมีคณะกรรมการดูแลนโยบาย ออกใบอนุญาต และเยียวยาผลกระทบ ยังไม่กำหนดพื้นที่ตั้งโครงการ รอพิจารณาความเหมาะสม

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • AP : ราคาพื้นฐาน 9.90 บาท

เรามอง AP เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ที่สร้างยอดขายรอโอน (presales) สูงสุด โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการในมือมากกว่า 180 โครงการ ในทำเลที่ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองหลักในทุกประเภทผลิตภัณฑ์และทุกกลุ่มลูกค้า อีกทั้งมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง สำหรับปี 2568 AP มีแผนเปิดตัวโครงการมูลค่าราว 65,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมาย presale ที่ระดับ 55,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 17.6% นอกจากนี้ บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.7 เท่า สร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการพัฒนาและสภาพคล่อง ประกอบกับผู้บริหารมีประสบการณ์สูง มีการบริหารงานที่ดี ปรับตัวได้เร็ว และสามารถสร้างความได้เปรียบเมื่อมีโอกาสและลดความเสี่ยงเมื่อตลาดผันผวน ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรและราคาต่อมูลค่าทางบัญชีที่ไม่สูง พร้อมให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี

  • CPN: ราคาพื้นฐาน 78.00 บาท

ราคาหุ้น CPN ขณะนี้ซื้อขายที่ระดับ -2SD หรือ 13 เท่าของกำไรปี 2568 เราชื่นชอบ CPN ที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยพอร์ตธุรกิจที่กระจายความเสี่ยงได้ดี ซึ่งส่งผลให้มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสามารถปรับเพิ่มค่าเช่าได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ CPN ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระได้ดี ซึ่งจะช่วยลดหนี้สินลงได้ในอนาคต อีกทั้งในวันนี้ CPN จะประกาศแผนธุรกิจสำหรับปี 2568 โดยคาดว่าจะเปิดเผยแนวโน้มการเติบโตและรายละเอียดโครงการใหม่ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อเนื่องได้ ประกอบกับเราคาดว่าโครงการดุสิตทั้งส่วนห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตต่อเนื่องในปี 2569

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐ (US Existing Home Sale) เดือน ก.พ. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.93 ล้านหลังปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.08 ล้านหลัง และ ตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สหรัฐ (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.20 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan Inflation) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 3.60% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% YoY และ เงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ 2.50% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -