KS Daily View 24.03.2025 >>> SET รีบาวด์ขึ้น 5 จุด จาก PTT ซื้อหุ้นคืน / ตัวเลขส่งออกดีกว่าคาด มองกรอบ SET วันนี้ 1,180-1,200 จุด แนะนำ AURA, AP
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้: คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,150-1,200 จุด โดยแนวโน้มหลักยังเป็นขาลง แต่ระยะสั้นเริ่มมีการแกว่งตัวเพื่อสร้างฐานรอดูสถานการณ์นโยบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของทรัมป์ในต้นเดือน เม.ย. ว่าจะบังคับใช้ตามกำหนดวันที่ 2 เม.ย. หรือไม่ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญ โดยหากมีการชะลอการบังคับใช้ SET index อาจสร้างฐานได้ที่ 1,150 จุด แล้วฟื้นตัวทดสอบแนวต้าน 1,200 และ 1,215 จุด แต่หากบังคับใช้ตามกำหนด อาจทดสอบแนวรับ 1,150 จุด และหากใช้ในวงกว้างหลายประเทศและปรับขึ้นภาษีอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดอาจเป็นลบและมีโอกาสหลุดแนวรับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ท่าทีล่าสุดของทรัมป์ดูผ่อนคลายลงหลังกล่าวว่ายังไม่เปลี่ยนใจแต่อาจมีความยืดหยุ่น ส่งผลให้ตลาดฟื้นตัวในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีโอกาสเป็นบวกต่อเนื่องในต้นสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะเมื่อ PTT จะเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืน แต่ช่วงปลายสัปดาห์อาจผันผวนจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนก่อนความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี นอกจากนี้ยังมีประเด็น กกพ. เตรียมเคาะค่าไฟฟ้ารอบ พ.ค.-ส.ค. ซึ่งแม้อาจเสนอตรึงหรือเพิ่มค่าไฟ แต่กลุ่มโรงไฟฟ้ายังมีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐที่ต้องการให้ค่าไฟถูก อีกทั้งสัปดาห์นี้ไม่มีประชุม ครม. เนื่องจากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันที่ 24-25 มี.ค. และลงมติวันที่ 26 มี.ค.กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้แนะนำ AURA AP SYNEX BDMS และ TOP
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,186.61 จุด ปรับตัวขึ้นราว 5 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท ปัจจัยบวกมาจากในประเทศอย่างการซื้อหุ้นคืนของ PTT การส่งออกที่เติบโต 14% มากกว่าคาด ทำให้หุ้นใหญ่ส่วนมากปรับตัวเพิ่มขึ้น ประเมินตลาดปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,200 จุด หลังช่วงสุดสัปดาห์ทรัมป์มีเผยท่าทีว่า Reciprocal tariffs อาจมีความยืดหยุ่น มองกรอบวันนี้ที่ 1,180 – 1,200 จุด หุ้นแนะนำ AURA, AP
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1. กระทรวงพาณิชย์เผยการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีมูลค่า 26,707 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 24,718 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4% ทำให้ไทยเกินดุลการค้า 1,988 ล้านดอลลาร์ โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าการส่งออกทั้งปีจะขยายตัว 3% ส่วนไตรมาสแรกน่าจะขยายตัวได้ 10% อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาวันที่ 2 เมษายนนี้ที่สหรัฐจะประกาศขึ้นภาษี
2. กระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดโครงการ “Back to School” เพื่อรองรับกลุ่มวัยรุ่นอายุ 16-20 ปี ที่จะได้รับเงิน 10,000 บาทในโครงการเงินหมื่นเฟส 3 โดยจะมีสินค้าที่เหมาะกับช่วงวัย เช่น อุปกรณ์การเรียน เสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าไอที และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงได้สะดวก ขณะเดียวกัน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้เปิดงาน “ชูใจ วัยเก๋า” ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนำสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 800 รายการมาจำหน่ายในราคาพิเศษ ลดสูงสุด 60% เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนและผู้สูงอายุหลังได้รับเงิน 10,000 บาทจากรัฐบาล โดยโครงการนี้จะดำเนินการต่อเนื่องถึง 30 เมษายน 2568 คาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพได้กว่า 10,000 ล้านบาท
3. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะมีความยืดหยุ่นในแผนการเก็บภาษีตอบโต้ที่จะเริ่มในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งทรัมป์เรียกว่าวันปลดปล่อย แม้จะดูเหมือนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการยกเว้นภาษี โดยให้เหตุผลว่า “เมื่อทำกับรายหนึ่ง ต้องทำกับทุกราย” ทั้งนี้แผนของเขาคือการเก็บภาษีจากประเทศที่เก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ หรือมีนโยบายการค้าที่รัฐบาลทรัมป์ไม่เห็นด้วย เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม
4. บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวัน เช่น Delta Electronics และ Foxconn กำลังเพิ่มการลงทุนในประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันบังคับให้พวกเขาต้องกระจายความสามารถในการผลิตที่ปัจจุบันกระจุกตัวอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ Delta Electronics วางแผนลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ส่วนใหญ่ในไทยภายในปี 2571 บริษัทไต้หวันกำลังขยายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์น้อยกว่าและมีค่าแรงต่ำ โดยการลงทุนโดยตรงที่ได้รับอนุมัติในประเทศที่ครอบคลุมโดยนโยบาย “New Southbound” ของไต้หวันเพิ่มขึ้น 57% เป็น 8.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 ในไทย การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจากไต้หวันเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าระหว่างปี 2562 และ 2567 เป็น 49.9 พันล้านบาท
5. โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ล่าช้าออกไปอีก 3 เดือน โดย ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ กพอ. เปิดเผยว่าการแก้ไขร่างสัญญามีความคืบหน้าเกือบ 100% และได้ประชุมกับธนาคารเพื่อสร้างความมั่นใจในการปล่อยเงินกู้ โดยแผนปัจจุบันคือ มีนาคมนี้จะนำร่างสัญญาเข้าบอร์ด รฟท., เมษายนส่งให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ, พฤษภาคมเข้าบอร์ด กพอ. และคาดว่า ครม.จะอนุมัติในมิถุนายน 2568 หากเอกชนไม่ดำเนินการต่อ รัฐบาลเตรียมแผนสำรองโดยลงทุนก่อสร้างเอง ขณะที่บริษัท UTA ผู้ได้รับสัมปทานสนามบินอู่ตะเภาแจ้งว่าจะเริ่มพัฒนาโดยไม่รอโครงการรถไฟ และสอบถามเรื่องสิทธิประโยชน์ “เมืองปลอดภาษี” ซึ่งต้องรอกระทรวงการคลังออกกฎหมายเพิ่มเติม
Daily pick
AURA : ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท
เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ AURA จากราคาทองคำที่ขึ้นเหนือ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ช่วยสร้างกำไรจากส่วนต่างธุรกิจ modern gold บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสาขาเป็น 644 แห่งในปี 2568 (เติบโต 32%) พร้อมเพิ่มพอร์ตสินเชื่อทองคำเป็น 6,500 ล้านบาท และตั้งเป้ากำไรสุทธิโต 20-30% AURA เตรียมขึ้นค่ากำเหน็จทองสูงสุด 300 บาทต่อบาททองในไตรมาส 2/2568 มีแผนขยายเพดานหนี้จาก 2 เท่าเป็น 2.5 เท่า พร้อมออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่องในการขยายสาขา และยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจากมีสัดส่วนเงินกู้แบบอัตราลอยตัวถึง 98%
AP : ราคาพื้นฐาน 9.90 บาท
เรามอง AP เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ที่สร้างยอดขายสูงสุด โดยได้แรงหนุนจากโครงการในมือมากกว่า 180 โครงการในทำเลที่ครอบคลุมกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลัก ครบทุกผลิตภัณฑ์และทุกกลุ่มลูกค้า รวมถึงมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง สำหรับปี 2025 มีแผนเปิดตัวโครงการมูลค่าราว 65,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 55,000 ล้านบาท เติบโต 17.6% นอกจากนี้มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.7 เท่า สร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการพัฒนาและสภาพคล่อง ประกอบกับผู้บริหารมีประสบการณ์สูง บริหารงานดีและปรับตัวเร็ว เราคาด AP จะได้ประโยชน์จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนมาตรการ LTV และโอกาสที่รัฐบาลจะปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง โดยราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E และ P/BV ไม่สูง พร้อมให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโซนยุโรป (HCOB Manufacturing PMI Flash) เดือน มี.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 47.6 จุด ต่อด้วยการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 51.8 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 52.7 จุด
- วันอังคาร ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐรายงานตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New home sale) เดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ 6.80 แสนหลังเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.57 แสนหลัง ต่อด้วยรายงานดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ (Richmond Manufacturing Index) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6 จุด
- วันพุธ ติดตามคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (Durable goods orders) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ -0.70% MoM ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ -3.20% MoM
- วันพฤหัสฯ ติดตาม GDP ของสหรัฐใน 4Q24 ครั้งสุดท้ายตลาดคาดการณ์ที่ 2.4% QoQ เทียบกับก่อนหน้าที่ 2.3% QoQ และตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของ สหรัฐ (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.22 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขของสหรัฐที่รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.5% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่อด้วย ดัชนีรายได้ส่วนบุคคล (Personal income) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.9% MoM และ ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal spending) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.6% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.2% MoM