บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 26/03/68

SET Index แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้น Domestic ที่มีกระแสซื้อหุ้นคืน
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1175-1195 จุด ปัจจัยแวดล้อมยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่ที่มีน้ำหนักขับเคลื่อน แต่เรามองว่าประเด็นการเมืองในประเทศที่น่าจะผ่อนคลายลงหลังการลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ทำให้เม็ดเงินมีโอกาสเคลื่อนย้ายจากกลุ่ม Global มา Domestic Play วันนี้ชอบ HMPRO KTB

ปัจจัยในประเทศหลังจากการผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ระหว่างวันที่ 24-25 มี.ค. วันนี้เป็นการโหวตฯอภิปรายไม่วางใจโดย ส.ส. เริ่มตั้งแต่ 10.00 น. ซึ่งเรายังคงมุมมองเดิมว่าจะไม่ส่งผลทำให้นายกฯ จะพ้นจากตำแหน่ง หากเกิดขึ้นจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นและเชื่อว่าตลาดจะมาให้ความสนใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุม ครม.ในวันที่ 27 มี.ค. ที่อาจเสนอมาตรการ Digital Wallet เฟส 3

ด้านปัจจัยต่างประเทศวานนี้สหรัฐฯปิดยืนในแดนบวกอ่อนๆในช่วงในช่วง 0.01%-0.5% แรงหนุนยังมาจากความคาดหวังต่อภาษีตอบโต้ของคุณทรัมป์จะไม่แรงอย่างที่คาด แม้ว่าการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. จะออกมา 92.9 ต่ำกว่าตลาดและเดือนก่อนคาดก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม เรามองประเด็นนี้ยังผันผวนและไปรอความชัดเจนในวันที่ 2 เม.ย.

ภายใต้สภาพแวดล้อมข้างต้นเชื่อว่าเม็ดเงินมีโอกาส Rotation จากกลุ่ม Global Play ที่ใกล้เข้าสู่ช่วงการประกาศภาษีตอบโต้สหรัฐฯมาสู่หุ้นกลุ่ม Domestic Play หลังประเด็นการเมืองน่าจะถูกคลายความกังวล โดยในเชิงกลยุทธ์ เราชอบ CPALL ได้ประโยชน์จาก Digital Wallet เฟส 3 HMPRO จากการประกาศซื้อหุ้นคืน และหุ้นที่อื่นๆ ที่มีโอกาสเป็นเป้า Window Dressing อย่าง BDMS CPN และ ADVANC

Market Summary
SET Index ปรับลง 5 จุดหรือ 0.4% โดยกลุ่มที่ Underperform คือ กลุ่ม China Play ปรับลงตามตลาดหุ้นจีน PTTGC -2.7% SCC -5% และ SCGP -5% (มีความกังวลต่อเศรษฐกิจอินโดนิเซียที่มีสัดส่วนรายได้ 14% เสริมด้วย) กลุ่มท่องเที่ยวจากภาคท่องเที่ยวรายสัปดาห์หดตัว -7.4% WoW กดดัน CENTEL -4.7% ERW -4.2% ส่วนกลุ่มที่ Outperform กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์จากข่าวความเข้มงวดของภาษีตอบโต้น้อยลง DELTA +2.6% กลุ่มพลังงานที่ฟื้นตามราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่น PTTEP +2% BCP +1.3% SPRC +1%

DAILY Stock Pick
KTB
ซื้อหุ้นปันผลสูง ความเสี่ยงของ Port สินเชื่อต่ำ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25.00 บาท
เราชอบ KTB พอร์ตสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำและแนวโน้มกำไรเติบโตในปี 68 ที่ +6%YoY ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE68 ที่ 7 เท่า และ PBV68 ที่ 0.67 เท่า อีกทั้งประกาศปันผลที่ 1.545 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลสูงถึง 6.4% ขึ้น XD วันที่ 16 เม.ย. 68

เรามีมุมมองเชิงบวกในระยะสั้นกับ มาตราการซื้อหนี้ประชาชนจากแบงค์ ที่กระทรวงการคลังกำลังศึกษาอยู่ หนุนงบดุลและกำไรของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นจากการขายหนี้เสียออกมา อีกทั้งการเริ่มประกาศซื้อหุ้นคืนของ PTT ที่ประกาศเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 68 หนุน sentiment หุ้นในตลาดที่เป็นของรัฐหรือกระทรวงการคลังถือหุ้น อาทิ PTT OR KTB BCP AOT มีโอกาสซื้อหุ้นคืนมากขึ้น

HMPRO
ประกาศซื้อหุ้นคืน และ Window Dressing หนุน Sentiment
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.20 บาท
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 68 คณะกรรมการ HMPRO มีมติ ซื้อหุ้นคืน มูลค่าไม่เกิน 7 พันล้านบาท โดยมีจำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 800 ล้านหุ้น (6% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 68 ถึง 30 ก.ย. 68 หากพิจารณาเพิ่มเติม ราคาหุ้นที่ซื้อคืนอยู่ที่ไม่เกิน 8.75 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบัน มากกว่า 10%

เราคาดว่า HMPRO เป็นเป้าหมายของกองทุนในการทำ Window Dressing ในสัปดาห์นี้ โดย กองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นไทย ถือ HMPRO ติด 30 หุ้นที่กองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นไทยถือ (เรียงตาม NAV) ถ้าพิจารณาเพิ่มเติม HMPRO ถูกซื้อขายที่ -2SD อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับหุ้น 30 ตัวแรกที่กองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นไทยถือ

KEY FACTOR
ทรัมป์เปิดเผยรายละเอียดการเก็บภาษีรอบสอง (Secondary Tariffs) ซึ่งเป็นการมุ่งเป้าไปที่ประเทศช่วยเหลือจีนในการหลบเลี่ยงภาษี (เป็นประเทศที่สามที่ใช้สำหรับเป็นทางผ่านให้จีนส่งสินค้าเข้าสู่สหรัฐฯ) ประกอบไปด้วย 1) เม็กซิโก เป็นประเทศที่มีโรงงาน EV ของจีนอยู่เยอะ 2) ตุรกี มีประวัติการนำเข้าสินค้าจากจีนและส่งออกไปยังสหรัฐฯ-ยุโรป 3) เวเนซูเอลา และแอฟริกาใต้ ถูกกล่าวหาว่าเป็นประเทศที่นำเข้าวัตถุดิบหายาก และเป็นพันธมิตรด้านพลังงานที่สำคัญกับจีน

ประเด็นดังกล่าวอาจสร้างความเสี่ยงต่อประเทศไทย ในฐานะหนึ่งในประเทศที่มีการลงทุนทางตรงจากจีนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ EV (ดังเช่นที่สหรัฐฯ เคยจับตามองสินค้าจากเวียดนาม) รวมทั้งไทยยังถือเป็นฐานการผลิตรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน แต่อย่างไรก็ตาม หากมองในเชิงการเมืองระหว่างประเทศ ไทยอาจไม่ใช่เป้าหมายลำดับต้นๆ ของสหรัฐฯ ในเชิงยุทธศาสตร์ หากเทียบกับประเทศอื่นๆ

EYES ON
ในสัปดาห์ สถานการณ์สงครามการค้าก่อนสหรัฐฯขึ้นภาษีตอบโต้
25 มี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ
26 มี.ค. ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
27 มี.ค. ประชุม ครม.
28 มี.ค. ดัชนี PCE เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ

- Advertisement -