นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน วานนี้ (26 มี.ค.) ว่า ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยรายละเอียดเบื้องต้น ตั้งไว้ที่จำนวน 1 ล้านสิทธิ โดยให้สิทธิประมาณ 3,000 บาทต่อคืน โดยในรายละเอียด สำหรับเมืองหลัก คาดว่าจะให้ประชาชนจ่าย 60% รัฐช่วยจ่าย 40% ส่วนเมืองรองจะเป็นสัดส่วน 50% ต่อ 50%

“รายละเอียดทั้งหมด อยู่ระหว่างคุยกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการคลัง เนื่องจากงบที่ขอไปประมาณ 3,000 ล้านบาท นายกฯ เน้นย้ำว่าอยากให้รายได้กระจายไปสู่ทุกภูมิภาคของไทย ส่วนจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อไหร่นั้น จะแจ้งให้ทราบและแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะได้ใช้ในปี 68 แน่นอน”

ในส่วนของการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ขณะนี้ททท. ทั้ง 5 สำนักงานในประเทศจีน รวมถึงกระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้มีการติดต่อกับอินฟลูเอนเซอร์ และภาคเอกชน ซึ่งเขาเข้าไทยมาโปรโมทสินค้าของเขาอยู่แล้ว ก็จะให้เขาช่วยกระจายข่าวหรือโปรโมชันต่าง ๆ ที่ประเทศไทยมี เพื่อให้การสื่อสารไปถึงคนจีนโดยตรงด้วย

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 2568 ถึงแม้ว่าจะให้เพียง 1 ล้านสิทธิ์ (เมื่อเทียบกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสที่ 1 ที่ 5 ล้านสิทธิ์, เฟสที่ 2 ที่ 1 ล้านสิทธิ์, เฟสที่ 3 ที่ 2 ล้านสิทธิ์, เฟสที่ 4 ที่ 1.5 ล้านสิทธิ์ และเฟสที่ 5 อีก 5.6 แสนสิทธิ์) แต่จะมีการจ่ายสมทบให้ประชาชนได้ถึง 50% ซึ่งมากกว่ารอบก่อนที่มีเราเที่ยวด้วยกันที่จ่ายให้ 40% (อิงโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ให้ส่วนลดที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 10 ห้องหรือคืนต่อคน และคูปองอิเล็กทรอนิกส์สำหรับจ่ายค่าอาหารและท่องเที่ยว มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 600 บาท/ห้อง/วัน) โดยจะเริ่มใช้สิทธิ์ได้ในช่วงปลาย Q2-Q3/68 ซึ่งเป็น Low season ของไทย และจะบังคับให้เดินทางหลายจังหวัดเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น

โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาก-น้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยจากมาก-น้อยคือ ERW (88%), CENTEL (80%) และ MINT (15%) โดยเราคาดว่า ERW (ถือ/เป้า 4.40 บาท) และ CENTEL (ซื้อ/เป้า 44.00 บาท) จะได้ sentiment เชิงบวกจากทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดีมากที่สุด นอกจากนี้หากตั๋วเครื่องบินใช้กับโครงการนี้ได้ด้วยจะเป็นบวกต่อ AAV (ซื้อ/เป้า 2.80 บาท) เพิ่มเติม

ทั้งนี้ ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดยจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 2568 จะเป็นผลดีต่อ ERW (ถือ/เป้า 4.40 บาท), CENTEL (ซื้อ/เป้า 44.00 บาท) และ AAV (ซื้อ/เป้า 2.80 บาท) ขณะที่ Top pick ของกลุ่ม เรายังชอบ CENTEL, และ MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท)

บล.เอเซียพลัส คาดมาตรการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน หากอิงตามสัดส่วนรายได้ กลุ่มที่มีรายได้จากในไทยสูง และมีโรงแรมในเมืองรอง จะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้มากกว่ากลุ่มฯ ได้แก่ ERW (จาก HOP INN) สำหรับสัดส่วนรายได้ในไทย เรียงจากมากไปน้อย ดังนี้ ERW (สัดส่วน 89% ) ตามด้วย CENTEL (สัดส่วน 73% ของรายได้โรงแรม) และ MINT (โรงแรมไทยไม่เกิน 20% ของรายได้ : สัดส่วนรายได้หลักๆ อยู่ใน EU ราว 50%) โดยแนะนำทั้ง 3 บริษัท

บล.กรุงศรี ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นท่องเที่ยว การบิน หุ้นอิงภาคบริการ ที่ก่อนหน้าเผชิญปัจจัยลบจากนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงต้นปี 68 ชะลอจนทำให้ทั้งปีเริ่มมีความเสี่ยงต่ำ กว่าเป้าหมาย Consensu โดยมาตรการดังกล่าว ผสาน การเตรียม Events ขับเคลื่อนท่องเที่ยว ช่วงนอกฤดูกาลคาดช่วยจิตวิทยาได้บางส่วน หนุนหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่มีฐานธุรกิจในประเทศสูง อาทิ ERW AAV CENTEL AWC เน้น ERW

- Advertisement -