บล.กสิกรไทย: 

Energy Sector : ตลาดจับตาไปยังอุปทานน้ำมัน
  • เพิ่มแรงกดดันสูงสุดเพื่อจำกัดการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวหลายแห่งรายงานว่าสหรัฐฯ ได้เพิ่มแรงกดดันตอการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน โดยคว่ำบาตรโรงกลั่นอิสระของจีน (Shandong-based Shouguang Luqing Petrochemical) และคลังนำเข้าน้ำมันของจีน (Huaying Huizhou Daya Bay Petrochemical Terminal) รวมถึงบริษัทเรือทั้ง 8 ลำ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายน้ำมันของอิหร่าน ทั้งนี้ ตลาดมีความคาดหวังว่าอาจมีอุปทานหายไปจากตลาดได้ถึง 1 ล้านบาร์เรล/วัน หากการคว่ำบาตรในครั้งนี้ได้ผลอย่างเต็มที่ โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ มุ่งเป้าการคว่ำบาตรไปที่โรงกลั่นน้ำมันของจีนโดยตรง แทนที่จะมุ่งเน้นที่พ่อค้าคนกลางหรือผู้ขนส่ง
  • กลุ่ม OPEC+ ประกาศแผนชดเชยใหม่ สัปดาห์ก่อน กลุ่ม OPEC+ ประกาศว่าสมาชิก 7 ประเทศจะร่วมกันลดกำลังการผลิตรายเดือนลงอีก 189,000 บาร์เรล/วัน ถึง 435,000 บาร์เรล/วัน เพื่อชดเชยการผลิตส่วนเกินก่อนหน้านี้ โดยจะลดไปจนถึงเดือนมิ.ย.2569 แผนการดังกล่าวเกิดขึ้นแม้สมาชิกอีก 8 ประเทศเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 138,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนเม.ย. ตามแผนการยกเลิกการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจก่อนหน้านี้
  • ตลาดจับตาดูอุปทานน้ำมัน เนื่องจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เพิ่มความเสี่ยงต่ออุปทานน้ำมันจากอิหร่านและกลุ่ม OPEC+ ส่งสัญญาณลดการผลิตลงอีก พัฒนาการดังกล่าวจึงเพิ่มความคาดหวังว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกจะตึงตัวมากขึ้น ซึ่งเพิ่ม upside ต่อราคาน้ำมันในระยะใกล้ อย่างไรก็ดี ผลกระทบที่แท้จริงจากปัจจัยดังกล่าวยังต้องรอจับตาดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก

1) โรงกลั่นน้ำมันอิสระของจีนซึ่งผลิตน้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีบางรายการป้อนให้กับตลาดในประเทศอาจมองข้ามนโยบายคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และยังคงนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านอย่างต่อเนื่อง

2) ผู้ผลิตหลายรายในกลุ่ม OPEC+ ผลิตน้ำมันเกินโควต้าที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยต่อความสามารถของกลุ่มต่อข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตในครั้งนี้

มุมมอง KS
  • คงมุมมองลบต่อกลุ่มพลังงาน แม้เราเห็น upside ต่อประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2568 ของเราที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล จากพัฒนาการดังกล่าว แต่เราคงมุมมองลบต่อกลุ่มพลังงานเนื่องจากเราเชื่อว่าตลาดน้ำมันจะยังเกินดุล ทั้งนี้ เราเชื่อว่าโรงกลั่นอิสระของจึนจะไม่หยุดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านทั้งหมด ขณะที่เรายังตั้งคำถามต่อความสามารถในการรักษาอัตราการผลิตตามที่ตกลงกันไว้ของกลุ่ม OPEC+ โดยเฉพาะจากคาซัคสถาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และรัสเซีย ดังนั้น เราคิดว่าพัฒนาการดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างบรรยากาศกรซื้อขายเชิงบวกในระยะสั้นมากกว่าพลิกฟื้นปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันดิบ ดังนั้น หุ้นเด่นของกลุ่มพลังงานของเรายังคงเป็น PTT ขณะที่ราคาน้ำมันที่อาจฟื้นตัวขึ้นในระยะสั้นจะส่งผลบวกต่อ PTTEP, PTT และหุ้นโรงกลั่นทุกแห่งมากที่สุด
  • หุ้นเด่น PTT แนะนำ “ซื้อ” TP 35.80 บาท

- Advertisement -