KS Daily View 01.04.2025 >>> คาดตลาดจะยังไม่ฟื้น รอผลขึ้นภาษี reciprocal tariffs พรุ่งนี้ มองกรอบ SET วันนี้ 1,150-1,170 จุด แนะนำ OR, HMPRO
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ : ประเมินดัชนีSET Index วันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,150-1,170 จุด ภาพรวมดัชนีวันก่อนหน้าปรับตัวลดลง -17 จุดหรือลดลง -1.5% ภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยกลุ่มที่ติดลบเยอะที่สุดคือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีการติดลบรายตัวราว -2% ถึง -12% โดยมีเพียงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่มีมูลค่าการซื้อสุทธิประมาณ 4,200 ล้านบาทแต่มีแรงขายจากนักลงทุนทั้งสถาบันและต่างชาติราว 1,400 ล้านบาท เราคาดการณ์ตลาดจะยังไม่ฟื้นตัวแม้สถิติที่ผ่านมาทั้งในไทยและในญี่ปุ่นมีโอกาสที่ดัชนีจะฟื้นตัวได้หากสถานการณ์ไม่รุนแรง โดยปัจจัยที่ยังคอยกดดันคือการประกาศขึ้นภาษี reciprocal tariff ของสหรัฐฯในวันที่ 2 เมษายน นี้ หากมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศไทยสูงขึ้นถึง 25% ซึ่งส่งผลกระทบต่อ GDP ประเทศไทยราว -0.8% จะเป็นอีกหนึ่ง downside สำหรับดัชนี SET index ในปลายสัปดาห์นี้แต่หากสหรัฐฯเก็บเพียง 10% คาดว่าตลาดมีโอกาสตอบสนองเชิงบวกได้ ขณะที่ตลาดต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี หรือจีน ยังคงได้รับความกังวลจากการประกาศขึ้นภาษีเช่นกันปิดลบ -3% ถึง -4% เราแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำและไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีมีdownside protection ไม่ว่าจะเป็นปันผลที่สูงและการซื้อหุ้นคืนในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำลงทุนในหุ้น OR และ HMPRO
ข่าวและประเด็นสำคัญที่มีผลต่อการลงทุน
1.ส.อ.ท. ยันเหตุแผ่นดินไหวส่งผลให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยจากจากชะลอกระบวนการผลิตลง แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็สามารถกลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นไม่มีผู้ประกอบการได้รับผลกระทบรุนแรง ห่วงโซ่การผลิตยังดำเนินการไปได้ตามปกติ สำหรับเหตุดังกล่าวอาจส่งผลกระทบจากจิตวิทยาต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงสั้น เมื่อมีมาตรการตรวจสอบที่ยืนยันได้ถึงความ ปลอดภัยก็เชื่อว่าจะเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับมาได้
2.ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวเตือนว่า สหรัฐฯ จะต้องเจอกับการตอบโต้ที่รุนแรง หากปฏิบัติตามคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะทิ้งระเบิดโจมตีอิหร่าน หากไม่ยอมบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่กับสหรัฐฯ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขู่อิหร่านว่าจะทิ้งระเบิดและใช้มาตรการภาษีรอง (secondary tariffs)หากอิหร่านไม่ยอมบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์
3.คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยในวันจันทร์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุฟร็องซ์ แอ็งแตร์ (France Inter)ว่า โอกาสที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในวันที่ 2 เม.ย. หมายความว่า ยุโรปจะต้องควบคุมอนาคตของตัวเองให้ดีกว่านี้ มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะต้องพึ่งพาตนเองมากขึ้น นี่คือช่วงเวลาที่ยุโรปต้องร่วมมือกันกำหนดอนาคตของตัวเอง
4.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่าข้อตกลงการขายติ๊กต๊อก (TikTok) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมของบริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) จะเสร็จสิ้นก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันเสาร์นี้ (5 เม.ย.) ทั้งนี้ กฎหมายของสหรัฐฯ กำหนดให้ไบต์แดนซ์ต้องขายกิจการติ๊กต๊อก มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ เนื่องจากความกังวลว่าจีนอาจใช้แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นนี้ในการสอดแนมชาวอเมริกัน หรือสร้างอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน
5.ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตรียมเดินทางเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชาไร้ประเทศไทย ในช่วงกลางเดือนเม.ย.นี้ โดยเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของปีนี้ รายงานข่าวระบุว่า การเดินทางเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่จีนกำลังพยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคอาเซียน ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งเวียดนามและมาเลเซียต่างเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
Daily pick
OR: ราคาพื้นฐานที่ 14.30 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ OR ซึ่งมี trigger point จากการที่บริษัทตั้งเป้าเชิงรุกเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 34-35% มาอยู่ที่ 39% ภายในสิ้นปี 2568 โดยได้แรงหนุนจากแคมเปญการตลาดเชิงรุกที่จะปรับตามความเหมาะสมตลอดทั้งปีและการลดราคาขายปลีกน้ำมัน 1 บาท/ลิตร ซึ่งการปรับลดราคาดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ระยะ แบ่งเป็นครั้งละ 50 สตางค์/ลิตร ได้แก่ วันที่ 28 มี.ค. 25 และ วันที่ 4 เม.ย.25 เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน เราคาดว่า OR มีโอกาสซื้อหุ้นคืนได้หากต้องการ OR มีเงินสด ณ สิ้นปี 2024 ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท เราเชื่อว่าความสามารถสำหรับการซื้อหุ้นคืนจะอยู่ที่ 5-6 พันล้านบาท คิดเป็นปริมาณหุ้นซื้อคืนประมาณ 3-4%
HMPRO: ราคาพื้นฐาน 9.90 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ HMPRO จากการคาดการณ์จะมีอุปสงค์จากการซ่อมแซมตกแต่งเพิ่มเติมภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งมีโอกาสคล้ายกับช่วงน้ำท่วมใหญ่ในปลายปี 2011 ที่ผ่านมาส่งผลให้ SSSG ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 1Q12 นอกจากนี้เรามองการซื้อหุ้นคืนที่ประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเป็นdownside protection สำหรับราคาหุ้นในช่วงนี้โดยแผนการซื้อหุ้นคืนมีจำนวนไม่เกิน 800 ล้านหุ้นและมีวงเงินไม่เกิน 7,000 ล้านบาทโดยจะเริ่มในวันที่ 1 เมษายน นี้ ส่งผลให้มีROE และ EPS มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้จากจำนวนหุ้นที่ลดลง
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันอังคาร ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (China Caixin Manufacturing PMI) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 50.8 จุดทรงตัวจากครั้งก่อนหน้า ต่อการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหภาพยุโรปครั้งแรก (EU CPI) เดือน มี.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 2.30% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่สหรัฐมีการายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (US ISM Manufacturing PMI) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 49.8 จุดปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.3 จุด และปิดท้ายด้วยตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (US JOLTS Job Openings) เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ 7.69 ล้านตำแหน่งชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.74 ล้านตำแหน่ง
วันพุธ ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ภาคการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ประกาศโดย Automatic Data Processing (ADP Non-Farm Employment Change) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.18 แสนตำแหน่งชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 0.77 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงาน (US Factory Orders) ในสหรัฐ เดือน ก.พ. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.5% MoM ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.7% MoM
วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของจีน (Caixin Services PMI) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 51.6 จุดปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.4 จุด ต่อด้วยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐ (ISM Services PMI) ) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 53.2 จุดปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.5 จุด
วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (TH inflation) เดือน มี.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +1.08% YoY และเงินเฟ้อไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (TH Core CPI) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.99% YoY ต่อด้วยการรายงานเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐ ภาคจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.20 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.51 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 4.2% เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.1%