บล.กสิกรไทย:
กลุ่มเครื่องสำอาง : ใครคือราชินีแห่งความงามตัวจริง?
- กลุ่มเครื่องสำอางรายงานกำไรปกติรวมไตรมาส 4/2567 ที่ 204 ลบ. เพิ่มขึ้น 29.6% YoY จากยอดขายที่สูงขึ้น แต่ลดลง 12.9% QoQ จากค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น กำไรปกติรวมทั้งปี 2567 อยู่ที่ 850 ลบ. เติบโตขึ้น 29.3% YoY หนุนจากยอดขายที่สูงขึ้นและ GPM ที่ขยายตัวขึ้น
- โดยรวม ทั้ง KAMART และ KISS รายงานยอดขายที่ขยายตัวขึ้นแข็งแกร่งหนุนจากความสำเร็จในการเปิดตัว SKU ผ่านช่องทางการขายแบบโมเดิร์นเทรด แบบตั้งเดิมและออนไลน์
- แนวโน้มการเติบโต ทั้ง 2 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ระดับสูงซึ่งบ่งชี้ถึงส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้นทั้งในตลาดเครื่องสำอางและสกินแคร์เนื่องจาก KAMART ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 4 พันลบ. ขณะที่ KISS ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 15-25%
- ทั้งนี้ Statista คาดว่าตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นด้วย CAGR 5 ปี (ปี 2568-73) ที่ 4.5% ในส่วนของแนวโน้มการเติบโตในไตรมาส 1/2568 สำหรับ KISS เราคาดว่าการขาดหายไปของการตั้งสำรองในไตรมาส 1/2568 จะช่วยหนุน GPM ให้เติบโตขึ้นและลดสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้
- ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ของ KISS จะเติบโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในส่วนของ KAMART ในการพูดคุยครั้งล่าสุด ผู้บริหารเชื่อว่าโมเมนตัมการเติบโตของรายได้จะยังแข็งแกร่ง ขณะที่คาดสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้จะเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่สูงขึ้น ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เช่นกัน
- เราคงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มเครื่องสำอางและเลือก KISS เป็นหุ้นเด่นของเรา เราคาดว่าทั้งรายได้และกำไรปกติของกลุ่มเข้าสู่เฟสเติบโตปกติแล้วเนื่องจากเราคาดว่าประมาณการรายได้รวมของทั้งกลุ่มของเราจะมี CAGR 3 ปี (ปี 2567-70) ที่ 15% เทียบกับวัฎจักรเติบโตรอบก่อนด้วย CAGR 3 ปี (ปี 2564-67) ที่ 28%
- เราเลือก KISS (“ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 4.77 บาท) เป็นหุ้นเด่นของเราจากมูลค่าหุ้นที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรและของคู่แข่งอย่าง KAMART ราคาหุ้น KISS ขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2568/69 ที่ 13 เท่า/11.1 เท่า เทียบกับ CAGR 3 ปี ของกำไรปกติที่ 17.5% และอัตราตอบแทนเงินปันผลที่แข็งแกร่งที่ 5.8% ในปี 2568 และ 6.3% ในปี 2569
- เราคงคำแนะนำ “ถือ” KAMART และลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ลง 18% หรือจาก 11.2 บาท เป็น 9.25 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรและลดตัวคูณมูลค่าจากวัฎจักรการเติบโตของ EPS ที่ลดลงเนื่องจากเราคาดว่า KAMART จะรายงาน CAGR 3 ปี (ปี 2567-70) ของ core EPS ที่ 9% เทียบกับวัฎจักรการเติบโตรอบก่อนด้วย CAGR 3 ปี (ปี 2564-67) ที่ 73.8%