KS Daily View 10 เม.ย. 2025>>> S&P 500 ปรับตัวขึ้นแรงมากสุดนับตั้งแต่วิกฤตปี 2008 หลังทรัมป์ปรับลดอัตราภาษีมาที่ 10% เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นจีนที่ถูกปรับขึ้นเป็น 125% คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นตามปัจจัยหนุนข้างต้นนี้ มองกรอบ 1,100-1,130 หุ้นแนะนำเป็น SIRI, AURA

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรงหลังทรัมป์ประกาศ หยุดขึ้นภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal tariffs) เป็นเวลา 90 วัน โดยจะลดภาษีกลับลงมาอยู่ที่ 10% สำหรับประเทศต่าง ๆ ยกเว้นจีน ที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจาก 104% เป็น 125% หลังจีนขึ้นภาษีกับสหรัฐฯ มาที่ 84% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.52% รอดพ้นภาวะ Bear market เป็นการเพิ่มขึ้นรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 และเป็นอันดับ 3 ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2, Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 12.16% และ Dow Jones เพิ่มขึ้น 7.87% นำโดยหุ้นในกลุ่ม Growth ทั้ง Technology, Consumer Discretionary และ Communication Services

ตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,088.18 จุด ปรับตัวขึ้นราว 13 จุด (+1.26%) มูลค่าการซื้อขาย 5.1 หมื่นล้านบาท หลังปรับตัวลงในช่วงเช้าก่อนจะมีแรงรีบาวด์ในช่วงบ่าย แม้สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าจีน 104% แต่จีนไม่ได้ส่งสัญญาณตอบโต้ในช่วงนั้น กลุ่มหุ้นที่พาตลาดขึ้น ได้แก่ พลังงาน ธนาคาร ค้าปลีก อาหาร และโรงพยาบาล ในขณะที่กลุ่มสื่อสารปรับตัวลง เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นหลังได้รับการลดภาษีลงชั่วคราว ประเมินกรอบวันนี้ที่ 1,100 – 1,130 จุด ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามพัฒนาการด้านการเจรจาอย่างใกล้ชิด หุ้นแนะนำเป็น SIRI, AURA

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. รัฐบาลไทยเตรียมแผนสำรองรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลก หากการเจรจากับสหรัฐฯ เรื่องภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% ไม่สำเร็จ โดยรองนายกฯ และ รมว.คลัง ระบุอาจต้องเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะเพื่อเปิดทางการลงทุน พร้อมย้ำว่าการก่อหนี้ต้องสร้างผลตอบแทนและสามารถชำระคืนได้ ขณะเดียวกัน รัฐบาลเตรียมวงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาทผ่าน EXIM Bank ช่วยผู้ส่งออก-นำเข้า ด้าน รมช.คลัง ชี้ผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ อาจฉุด GDP ไทยเหลือโตเพียง 1-2% และย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและจะใช้กลไกดูแลสถานการณ์ต่อเนื่อง
  2. จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเป็น 84% จากเดิม 34% มีผล 10 เม.ย. เพื่อตอบโต้ภาษี 104% ที่สหรัฐเพิ่งบังคับใช้วันนี้ โดยจีนระบุว่าสหรัฐกระทำโดยฝ่ายเดียว กีดกันทางการค้า และทำลายระบบเศรษฐกิจโลก พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวทันที และกลับมาเจรจาอย่างเท่าเทียมและให้เกียรติกัน
  3. สหภาพยุโรป (EU) อนุมัติมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 20% โดย EU เตรียมเรียกเก็บภาษีตอบโต้สินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% ครอบคลุมสินค้าหลายประเภท เช่น ถั่วเหลือง สัตว์ปีก ยาสูบ เหล็ก และอะลูมิเนียม คิดเป็นมูลค่าราว 22,000 ล้านยูโร โดยจะดำเนินการเป็น 3 ระยะ เริ่มจากแครนเบอร์รีและน้ำส้มในวันที่ 15 เม.ย. ตามด้วยเหล็ก เนื้อ และช็อกโกแลตขาวในวันที่ 16 พ.ค. และสุดท้ายคืออัลมอนด์และถั่วเหลืองในวันที่ 1 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม หลังจากการประกาศหยุดพักภาษีของทรัมป์ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คาดว่าสหภาพยุโรปจะชะลอการตอบโต้ทางภาษี
  4. ทรัมป์ประกาศลดภาษีนำเข้าเหลือ 10% เป็นเวลา 90 วันสำหรับประเทศส่วนใหญ่ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาการค้า หลังจากมีมากกว่า 75 ประเทศติดต่อขอเจรจา ในทางตรงกันข้าม ทรัมป์กลับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 125% ให้มีผลทันที จากที่จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็น 84% ทั้งนี้ แคนาดาและเม็กซิโกจะไม่ได้รับผลกระทบจากการระงับภาษีนำเข้า โดยยังคงต้องเสียภาษี 25% สำหรับสินค้าที่ไม่ครอบคลุมในข้อตกลงการค้า USMCA และจะไม่ถูกเก็บภาษี 10% เหมือนประเทศคู่ค้าอื่นๆ ซึ่งทั้งสองประเทศได้รับการยกเว้นตั้งแต่การประกาศมาตรการภาษี “Reciprocal” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  5. ทรัมป์ได้ยกเลิกแผนจำกัดการส่งออกชิป AI H20 ของ Nvidia ไปยังจีน หลังจาก CEO Jensen Huang เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ Mar-a-Lago เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดย NPR รายงานว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลัง Nvidia สัญญาจะลงทุนในศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ ทั้งนี้ บริษัทจีนรายใหญ่อย่าง ByteDance, Alibaba และ Tencent ได้สั่งซื้อชิป H20 มูลค่ารวมอย่างน้อย 16 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ แม้จะมีสมาชิกสภาคองเกรสทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตเรียกร้องให้เพิ่มการควบคุมการส่งออกชิป AI ก็ตาม

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • SIRI: ราคาพื้นฐาน 2.20 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SIRI จากยอดขายไตรมาส 1/2568 ที่ 13,400 ล้านบาท เติบโต 40% YoY และ 31% QoQ คิดเป็น 29% ของเป้าทั้งปีที่ 46,000 ล้านบาท และเป็นยอดขายรายไตรมาสสูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 ความสำเร็จของคอนโดใหม่ 2 โครงการคือ พีทีวาย เรสซิเดนซ์ สาย 1 ริมหาดพัทยา (มูลค่า 3,600 ล้านบาท ขายแล้ว 90%) และเดอะ เบส เชิงทะเล ภูเก็ต (มูลค่า 1,400 ล้านบาท ขายแล้ว 75%) เป็นปัจจัยหนุนยอดขาย แม้คาดกำไรใน 1Q25 จะลดลงทั้ง QoQ และ YoY แต่เรามองว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2568 จะเติบโตต่อเนื่อง จากโครงการแนวราบใหม่ในพื้นที่ที่มีความต้องการสูงทยอยเปิดตัว เช่น นาราสิริ บางนา กม.10, นาราสิริ บรมราชชนนี, นาราสิริ วิคตอรี่ กรุงเทพกรีฑา

  • AURA: ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท

เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ AURA จากราคาทองคำที่เหนือ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งยังเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน ช่วยสร้างกำไรจากส่วนต่างธุรกิจ gold trading โดยการทยอยปรับค่ากำเหน็จขึ้นในครึ่งหลังปี 2568 จะหนุนการเติบโตต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสาขาเป็น 644 สาขา และขยายพอร์ตสินเชื่อ gold finance เป็น 6,500 ล้านบาท (เติบโต 30%) พร้อมตั้งเป้ากำไรสุทธิโต 20-30% มีแผนขยายเพดานหนี้เป็น 2.5 เท่า ออกหุ้นกู้ 2-3 พันล้านบาท และขอวงเงินกู้ syndicate loan อีก 3-4 พันล้านบาทที่คาดเห็นผลในไตรมาส 2/2568 นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจากมีสัดส่วนเงินกู้อัตราลอยตัวถึง 98%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามรายงานอัตราเงินเฟื้อของจีน (China CPI) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.10% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.70% YoY ต่อด้วยตัวเลขเงินสหรัฐฯ (US CPI) เดือน มี.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.8% YoY ขณะที่ Core CPI ตลาดคาดที่ +3.0% YoY ลดลงจาก +3.1% YoY ในเดือนก่อนหน้า
  • วันศุกร์ ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (US PPI index) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน มี.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% YoY และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน เม.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 55.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 57.0 จุด
- Advertisement -