YLG ประเมินทองคำปรับฐานระยะสั้น สะสมกำลังขึ้นต่อ ระยะยาวมีหลายปัจจัยบวก จีน–สหรัฐขึ้นภาษีตอบโต้หนุนทองเพิ่ม
- วายแอลจีประเมินสถานการณ์ทองคำปรับตัวลดลงเป็นแค่ช่วงสั้น จาก 2 ปัจจัย ทั้งการเทขายทำกำไร ในภาวะ Risk-off เพื่อปิดความเสี่ยงมาถือเงินสด จากความผันผวนมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐ และจากแรงขายทำกำไรในทางเทคนิค หลังจากราคาปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรก คล้ายช่วงโควิด 19 ทองคำลดลงแค่ช่วงสั้นจากนั้นพุ่งยาว
- มองภาพรวมทั้งปีทองคำจะไปได้ไกลแค่ไหนขึ้นกับ 2 ปัจจัยหลัก หากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนเจรจากับสหรัฐไม่สำเร็จ หรือมีการตอบโต้จนก่อให้เกิดสงครามการค้า และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนกระตุ้นเฟดผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ทองคำจะมีลุ้นแตะ 3,300–3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่หากเจรจาสำเร็จ ยังไปได้ที่ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
- แนะใช้จังหวะทองคำปรับฐานเข้าซื้อเพื่อลงทุนได้ทั้ง ระยะสั้น – กลาง – ยาว เหตุมีโอกาสสูงที่ในอีก 12 เดือน จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ชี้การลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์สเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจในช่วงทองคำราคาสูง เหตุใช้เงินลงทุน 10% ของมูลค่าทองคำ
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำผันผวนหลังจากปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 3,167.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันพฤหัสบดีที่ 3 เม.ย. ขานรับการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของสหรัฐ ที่อาจกระทบเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ทองคำได้ถูกแรงขายทำกำไร เนื่องจากทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ได้พุ่งขึ้นขานรับประเด็นดังกล่าวมาตลอดเกือบไตรมาส 1 ที่ผ่านมาแล้ว จึงเกิดการ Sell on fact ในภายหลัง จนราคาปรับตัวลดลง 210 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือลดลง 6.63% สู่ระดับ 2,956.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันจันทร์ที่ 7 เม.ย. อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ ถือว่าทองคำยังคงยืดหยุ่นกว่าอย่างมาก และแม้ราคาจะปรับลดลงมาอย่างรวดเร็ว แต่นับจากต้นปีมาถึงราคาปิดวันที่ 9 เม.ย. ทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นถึง 460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 17.48%
สำหรับความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้นนี้ มีปัจจัยหลักมาจากความกังวลต่อนโยบายการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ ที่เริ่มบานปลายจากการตอบโต้ของทางฝั่งจีน จนนำไปสู่การกประกาศตัวเลขอัตราการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นจนท้ายที่สุดจีนโดนสหรัฐเรียกเก็บภาษีมากถึงอัตรา 125% อย่างไรก็ดี YLG ประเมินไว้ 2 แนวทาง ดังนี้
- หากแต่ละประเทศเข้าเจรจาผ่อนปรนภาษีแต่เจรจาไม่สำเร็จ ส่งผลให้ยกระดับความตึงเครียดและสถานการณ์ยืดเยื้อ กรณีนี้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ อย่างเลวร้ายจะเข้าสู่สภาวะ Stagflation ผลกระทบต่อทองคำ คือ ทองคำจะปรับตัวลงในระยะแรกจากความต้องการเงินท่ามกลาง Risk-off ก่อนจะปรับตัวขึ้นแรงจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย กรณีนี้จะหนุนทองคำได้อย่างมากในระยะถัดๆไป โดยมีเป้าหมายทองคำที่ระดับ 3,300-3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ขณะเดียวกันหากแต่ละประเทศสามารถเจรจาและหาทางออกร่วมกันได้และลดความตึงเครียดลงกรณีนี้ สินทรัพย์เสี่ยงกลับมาปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะบั่นทอนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดีมองว่าทองคำจะกลับมาเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานเดิม ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ยังคงหนุนทองคำ เพียงแค่ Upside อาจน้อยกว่ากรณีแรก กรณีนี้ให้เป้าหมายทองคำไว้ที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นอกจากนี้มองว่าแรงขายทำกำไรทองคำยังมาจากราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปี จึงเกิดแรงขายทำกำไรและเป็นแรงขายเพื่อถือเงินสด และโยกเงินเติมมาร์จิ้นและชดเชยผลขาดทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ดังนั้นคาดว่าแรงขายรอบนี้เป็นเพียงปฏิกิริยาระยะสั้นเท่านั้น เช่นเดียวกับครั้งที่ทองคำเคยถูกเทขายลงมาพร้อมตลาดหุ้นทั่วโลกให้ช่วงการระบาดของ COVID-19 และที่สำคัญคือ ทองคำยังไม่สูญเสียสถานะของสินทรัพย์ปลอดภัยแต่อย่างใด เพียงแต่แรงขายในตลาดทองคำส่งผลให้มุมมองเทคนิคระยะกลางเข้าสู่ช่วงของการพักฐานในระยะกลาง สะสมกำลังเพื่อปรับตัวขึ้นต่อในระยะยาว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานต่อทองคำยังไม่เปลี่ยนแปลง
YLG จึงประเมินว่าการพักตัวของทองคำในระยะกลางจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาวในการกลับเข้าสะสมทองคำอีกครั้งเมื่อราคาย่อตัวลง เนื่องจากความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเกิด Recession ในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จะส่งผลให้เฟดต้องกลับมาผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือ ยุติการทำ Quantitative Tightening (QT) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์และหนุนราคาทองคำ และจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนทองคำได้อย่างมากในปี 2025
นอกจากนี้นักลงทุนยังสมารถลงทุนทองคำในตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับ YLG Futures รับสิทธิ์ใช้งาน Trading View Essential Plan ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า 5 ด้าน 1.กราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน รวมถึง Volume Profile 2.เครื่องมือวาดรูปและฟีเจอร์ทางเทคนิค 3.การแจ้งเตือนราคา 4.ไอเดียเทรดจากคอมมูนิตี้ 5.ไม่มีโฆษณาและอีกจำนวนมาก