Round 2 Solutions เปิดมุมมองเชิงลึก พร้อมโอกาสเติบโตของตลาด ERP และ CRM พลังขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่อนาคต ที่องค์กรทุกขนาดเร่งลงทุนในเวลานี้!
ปี 2025 เทคโนโลยีที่ทันสมัยและตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรต่างๆ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตไปข้างหน้า ธุรกิจองค์กรใดสามารถนำข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Analytics) มาผสานเข้ากับเทคโนโลยี AI และ Automation ในระบบ ERP และ CRM ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างแต้มต่อที่เหนือคู่แข่ง เพราะสามารถใช้ข้อมูลมาช่วยตัดสินใจปรับปรุงกระบวนการทำงาน แก้ปัญหาด้านต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีและรวดเร็วขึ้นให้กับลูกค้า รวมถึงวิเคราะห์รูปแบบการตลาดและการเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ แต่ในทางกลับกันหากธุรกิจองค์กรใดยังไม่มีความพร้อม อาจต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยากขึ้นในยุคนี้ ที่รูปแบบการแข่งขันและการดำเนินธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
นายวิเชียร ลัญฉนะวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด (Round 2 Solutions) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการด้านระบบไอทีและดิจิทัลโซลูชันแบบครบวงจร (Tech Enabler) ชั้นนำของประเทศไทย ที่มีฐานลูกค้าระดับองค์กร Enterprise ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้เผยว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่ต้องการในช่วงเปลี่ยนผ่านธุรกิจองค์กรสู่ Digital Transformation สำหรับทุกแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ ในเวลานี้ คือ ระบบ Cloud ERP ที่สามารถนำมาใช้ในการจัดการและวางแผนการใช้ทรัพยากรต่างๆ ขององค์กรได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ธุรกิจเห็นภาพรวมการบริหารงานตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ รวมถึงระบบการบริหารงานลูกค้าแบบครบวงจร (CRM) ตั้งแต่การหากลุ่มเป้าหมายศักยภาพที่มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหรือบริการในอนาคต(Prospect) มีระบบติดตามการขายที่รวมถึงเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้า (Sentiment Analysis) ว่ามีความสนใจในสินค้าและบริการมากน้อยขนาดไหน จนกระทั่งกลุ่มเป้าหมายตัดสินใจเป็นลูกค้าจริง
จากข้อมูลของ SAP Thailand (Press Room) ระบุว่าในปี 2025 ทิศทางแนวโน้ม การใช้ระบบ ERP ในธุรกิจองค์กรในประเทศไทยมีมากขึ้น 51% เพราะการเชื่อมต่อระบบ ERP เข้ากับระบบ CRM จะทำให้เห็นข้อมูลทั้งหมดในกระบวนการตั้งแต่การสร้างฐานลูกค้า การนำเสนอผลิตภัณฑ์ การวางแผนผลิต กระบวนการผลิต ไปจนถึงการดูแลลูกค้าแบบครบวงจร เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดจากการใช้สินค้าและบริการจนเกิด เป็นความจงรักภักดีที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)
โดยปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาด ERP และ CRM ในไทยมาจาก 3 มิติหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มธุรกิจครอบครัวดั้งเดิมและองค์กรขนาดใหญ่ ส่งผลให้เกิดความต้องการระบบที่มีมาตรฐานมารองรับการขยายตัว 2. การเติบโตของดิจิทัลอีโคซิสเต็มไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย มาร์เก็ตเพลส หรือซัพพลายเชน ล้วนเปลี่ยนมาอยู่ในระบบออนไลน์ ทำให้ต้องมีการเชื่อมต่อระบบต่างๆ มากขึ้น 3. การพัฒนาของตัวโซลูชัน ERP และ CRM ที่มีการอัปเกรดเวอร์ชันใหม่ ฟีเจอร์ที่ทันสมัย และมีการปรับไปสู่ระบบ Enterprise Cloud ทำให้ช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดโดยรวม
“ซึ่งในเวลานี้ ธุรกิจองค์กรชั้นนำขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายโรงงานในหลายจังหวัดหรือมีฐานการผลิตในหลายประเทศ ได้เริ่มใช้เทคโนโลยีที่มีการเชื่อมโยงระบบ ERP และ CRM ที่ผสานเทคโนโลยี Process Automation และ Enterprise AI ขึ้นมา หากธุรกิจมีการวางพื้นฐาน (Fundamentals) ที่เหมาะสม อย่างการวาง Business Process ที่ดีและเป็นมาตรฐาน, มีข้อมูลที่มีคุณภาพ (Good Data Quality), รวมถึงการเชื่อมต่อระบบที่มีประสิทธิภาพ (Systems Integration) ธุรกิจนั้นก็จะสามารถใช้ประโยชน์จาก Process Automation และ Enterprise AI ได้ในกระบวนการขององค์กรที่มีหลายขั้นตอนได้อย่างชาญฉลาด เพราะระบบเหล่านี้สามารถประมวลผลและดำเนินงานตั้งแต่ต้นจนจบขั้นตอนได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วขึ้นมาก” นายวิเชียร กล่าวเสริม
ซึ่งการที่ธุรกิจองค์กรจะเลือกใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ หนึ่งสิ่งสำคัญที่ธุรกิจองค์กรต่างๆ ควรจะต้องศึกษาอย่างละเอียด คือ การเฟ้นหาพาร์ทเนอร์ผู้เชี่ยวชาญที่รู้ลึกรู้จริงในระบบ Business Application ดังกล่าวในระดับที่สามารถออกแบบกระบวนการทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงดำเนินการสร้างมาตรฐานของข้อมูลที่ดีที่เชื่อมต่อระบบต่างๆ เช่น ERP และ CRM เข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อที่จะสามารถมองเห็นภาพรวมในการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน และเห็นถึงช่องโหว่งที่รอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน พร้อมการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลในการพัฒนาธุรกิจให้เท่าทันกระแสความเร็วในโลกธุรกิจปัจจุบัน ไปจนถึงสร้างการเติบโตด้านผลกำไรให้แก่ธุรกิจองค์กรได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว