Daily Focus: Sideways ในวัน Good Friday

2025 SET Target: 1180

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยในช่วงบ่ายเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นขึ้น โดยดัชนีปิดบวกได้เล็กน้อย 2.38 จุด ที่ระดับ 1,141.28 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 3 หมื่นลบ. กลุ่มที่ปรับตัวได้แข็งแรงและหนุนตลาดมากที่สุดคือธนาคาร สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 738 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ 223ลบ. (และพลิกมา Short Index Futures 8.4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากหลายตลาดทั่วโลกวันนี้ปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday โดยยังให้จับตาแนวต้านระยะสั้น 1,146 จุด หากทะลุผ่านได้จะขึ้นทดสอบแนวต้านหลักที่ 1,157-1,160 จุด กลุ่มที่คาดว่าจะหนุนตลาดวันนี้ คือ พลังงาน ตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นแรงจากทั้งมาตรการคว่าบาตรสหรัฐฯ ต่อการส่งออกน้ำมันอิหร่าน รวมถึงหลายประเทศในโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตลงเพื่อชดเชยการผลิตเกินโควตาตามที่ได้ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ความกังวลต่อผลกระทบจากภาษีการค้าสหรัฐฯยังสร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะทำให้หุ้นกลุ่ม Consumer Staple จะยังปรับตัวได้ดีกว่าตลาด สำหรับไทยล่าสุดได้คิวเจรจากับสหรัฐฯในวันที่ 23 เม.ย. ซึ่ง ต้องติดตามว่าจะมีพัฒนาการเชิงบวกมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้โฟกัสยังอยู่ที่การทยอยประกาศกำไร 1Q25 ของกลุ่มธนาคาร หากไม่ต่ำกว่าคาด เรามองว่าจะช่วยลดความกังวลต่อแนวโน้มกำไรของฝั่ง Real Sector ได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการทยอยปรับลดประมาณการ EPS ของ SET ตามแนวโน้ม GDP ที่มีโอกาสโตต่ำ 2% จากผลกระทบของภาษีการค้าสหรัฐฯ เรายังชอบกลุ่ม Domestic และ Consumer Staple มากกว่า Global และ Export Play

กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้น Domestic ที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25-2025 แข็งแกร่งและกระทบจำกัดต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BA, BBL, CPF, HMPRO, OSP

FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR

หุ้นเด่น Finansia 18 เม.ย. 25 : PTTEP

  • แนะนำ “เก็งกำไรระยะสั้น” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 137.42 บาท
  • คาดระยะสั้นได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนที่ผ่านมา หนุนจากทั้งมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯที่มุ่งจำกัดการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน รวมถึงหลายประเทศในกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม ชดเชยการผลิตเกินโควตาตามที่ได้ตกลงกันไว้
  • ด้าน Valuation ถือว่ายังไม่แพง ปัจจุบันเทรด PBV ราว 0.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่เทรดราว 1 เท่า และคาดให้ Dividend Yield ต่อปีกว่า 6%
  • แนวรับ 100-99 บาท แนวต้าน 105.50//107.50-110 บาท 

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นสุทธิ US$1,247 ล้าน สูงสุดที่อินโดนีเซีย US$487 ล้าน รองลงมาคือไต้หวัน US$393 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้และเวียดนามไหลออกประเทศละ US$180 ล้าน และไม่มีประเทศใดไหลเข้า แนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้คาดเบาบางเนื่องจากหลายตลาดปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) กลุ่มอสังหาฯ ยอด presales รวม 1Q25 ไม่ตื่นเต้น +6.5% q-q, +1% y-y หลักๆ มาจากการเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่มากขึ้น และในกลุ่มฯ จะมีเพียง ASW, AP และ SIRI ที่มี presales เพิ่มขึ้นทั้ง q-q, y-y คาดกำไร 1Q25 ลดลงทั้ง q-q, y-y จากยอดโอนที่ลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นที่ soft เราปรับลดน้ำหนักลงทุนกลุ่มอสังหาฯ เป็น Underweight แม้ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯปรับลงมาสะท้อนปัจจัยลบมากแล้ว แต่ยังไม่มี catalyst ระยะสั้น เราแนะนำให้นักลงทุนรอสัญญาการฟื้นที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วง 2H25 ส่วน Top pick ยังเป็น AP ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท

(0) BBL กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.26 หมื่นลบ. +20% y-y, +21% q-q สูงกว่าเราและตลาดคาด 8-11% หลักๆ มาจากกำไรของเงินลงทุนที่สูงกว่าคาด อย่างไรก็ดี NPL ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3.59% จาก 3.19% ในไตรมาสก่อน จากลูกหนี้ปรับโครงสร้างที่ตกชั้นอีก ซึ่งทำให้การตั้งสำรอง credit cost สูงกว่าคาด 131 bp ส่วน NPL coverage ratio อยู่ที่ 300% ยังสูงมากจึงสามารถรองรับความผันผวนได้ดี กำไรสุทธิ 1Q25 คิดเป็น 27% ของประมาณการทั้งปี 2025 ราคาเป้าหมาย 194 บาท valuation ต่ำมาก เทรดเพียง P/BV 0.5x ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) TISCO กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.64 พันลบ. -5% y-y, -4% q-q สูงกว่าคาดเล็กน้อย จากการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าคาดที่ 67 bp อย่างไรก็ดี กำไรก่อนตั้งสำรองไม่ได้ดีมากนัก จากสินเชื่อที่ยังหดตัว และ NIM ที่ลดลงจากสัดส่วนสินเชื่อบริษัทที่มากขึ้น คุณภาพสินทรัพย์เป็นไปตามที่เราคาด NPL 2.42% แต่เราเห็น NPL เพิ่มขึ้นในกลุ่มจำนำทะเบียน คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 95 บาท แนะนำ “ถือ”

(+) CENTEL คาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ 704 ลบ. ลดลง 7% y-y จากผลขาดทุนจากโรงแรมใหม่ที่ Maldives และมี FX loss จากค่าเงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท โดยคาด RevPAR โรงแรมในไทย +10% y-y และโรงแรม Osaka +8% y-y ขณะที่ RevPAR ของโรงแรมใน Maldives ลดลง 40% จากการเปิดโรงแรมใหม่ ส่วนธุรกิจอาหารคาดมีกำไรเติบโต 10% y-y แนวโน้มรายได้ของธุรกิจโรงแรมในไทยยังโตต่อเนื่องท่ามกลางความท้าทาย เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2025-26 ขึ้น 10-13% เป็นกำไรปกติปี 2025 +7% y-y เพื่อสะท้อน EBITDA margin ธุรกิจโรงแรมที่ดีกว่าคาดหลังมีการปรับปรุงโรงแรมหลายแห่ง ราคาเป้าหมาย 49 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 527.16 จุด หรือ -1.33%, ปิดที่ 39,142.23 จุด ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเล็กน้อย หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทต่างๆ เพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday ส่วนตลาดหุ้น ญี่ปุ่นเปิด sideway รับการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 33.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.84%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.21 ดอลลาร์ หรือ 3.54% ปิดที่ 64.68 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) จะบรรลุข้อตกลงการค้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 64.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 3.54%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 18 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่ 3,328.4 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 3,328.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.54%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 952.29/ -0.51%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

18 เม.ย.ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ (มี.ค.)
20 เม.ย.จีน: Loan Prime Rate
22 เม.ย.IMF/World Economic Outlook
24 เม.ย.สหรัฐ: Exiting Home Sales (มี.ค.)
25 เม.ย.ไทย: ส่งออก (มี.ค.)
- Advertisement -