Daily Focus: Selective and Earning Play
2025 SET Target: 1180
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในช่วงเช้าก่ อนที่ภาคบ่ายจะมีแรงขายค่อนข้างหนาแน่น กดดันดัชนีปิดลบถึง 16.24 จุด ที่ระดับ 1,134.71 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.2 หมื่นลบ. หุ้นขนาดใหญ่ปรับลงอย่างกระจายตัว โดยเฉพาะพลังงานและธนาคาร สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเร่งขึ้นเป็น 531 ลบ.และ 2.2 พันลบ. ตามลำดับ (แต่ต่างชาติยัง Long Index Futures ราว 5.1 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways ในกรอบหลัก 1,120-1,150 จุด โดยบรรยากาศการลงทุนไม่ค่อยสดใสนัก กาพรวมตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกียวกับการเทรกแซงความเป็นอิสระของ FED โดยล่าสุดทรัมป์ยังคงกดดันให้ FED ลดดอกเบี้ยโดยเร็ว รวมถึงการขู่ว่าจะปลดประธาน FED ออกจากตำแหน่ง ส่งผลให้ Dollar Index อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกดดัน หลังวานนี้จีนออกโรงเตือนว่า หากประเทศใดเจรจากับสหรัฐฯ และทำให้จีนเสียผลประโยชน์ จีนจะมีการออกมาตรการตอบโต้กับประเทศนั้นๆ เช่นกัน ซึ่งทำให้แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยง นอกจากนี้ในฝั่งของไทยล่าสุดถูกเลื่อนการเจรจากับสหรัฐฯ จากกำหนดการเดิมวันที่ 23 เม.ย. ออกไป โดยยังไม่ได้ระบุวันใหม่ ทำให้ความคาดหวังในช่วงก่อนหน้าเกี่ยวกับพัฒนาการบวกจากการเจรจาการค้าเพื่อลดอัตราภาษีตอบโต้ลงจาก 36% เริ่มไม่แน่นอน เราจึงประเมินว่าการเคลื่อนไหวของ SET จะชะลอตัวลงหลังรีบาวด์ได้ค่อนข้างแรงพอสมควรในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังต้องติดตามการทยอยประกาศกำไร 1Q25 ฝั่ง Real Sector หลังกลุ่มธนาคารประกาศออกมาครบแล้ว แม้จะดีกว่าคาดแต่ไทนระยะถัดไปยังมอง Conservative สวนใหญ่ซิงสะท่อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ไม่แข็งแรงและเปิดช่องให้กนง.อาจลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งปีนี้ เราจึงมองว่าหุ้นกลุ่ม Consumer Staple จะยังปรับตัวได้ดีกว่าตลาดต่อเนื่อง
กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25-2025 แข็งแกร่ง และกระทบจำกัดต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BA, BBL, CPF, HMPRO, OSP
FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR
หุ้นเด่น Finansia 22 เม.ย. 25 : OSP
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท
- OSP มีส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเชิงมูลค่า มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% m-m เป็น 44.9% ถือเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือน ธ.ค.24 โดยมาจากการขาย 10 บาท ฝาเหลืองได้เต็มไตรมาส ได้รับการตอบรับที่ดีตามแผน และเกิด cannibalization กับ 12 บาทเพียงเล็กน้อย
- เบื้องต้นเราคาดกำไร 1Q25 ของ OSP จะฟื้นตัวแข็งแกร่ง q-q และลุ้นโต y-y แตะระดับ 800 ลบ. (ยังไม่รวมกำไรพิเศษขายโรงงานแก้ว 130 ลบ.) แม้ปีก่อนฐานสูงก็ตาม แต่คาดรายได้ต่างประเทศ และ personal care จะเติบโตเด่น ช่วยหักล้างช่วงปรับสต็อกของเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศได้ และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะยังดีต่อเนื่อง ปัจจุบัน OSP เทรดที่ PER 14 เท่า
- แนวรับ 14//13.50 บาท แนวต้าน 14.70-15//15.60 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิต่อเนื่องอีก US$417 ล้าน สูงสุดที่เกาหลีใต้ US$284 ล้าน ส่วนไต้หวันไหลออกบางๆ US$30 ล้าน ขณะที่ฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกสูงสุดที่ไทย US$68 ล้าน และมีเพียงเวียดนามที่ไหลเข้าเล็กน้อย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังคงอยู่ในทิศทางไหลออกหลังยังขาดพัฒนาการเชิงบวกในด้านการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ รวมถึงความกังวลทรัมป์แทรกแซงการทำงานของ FED
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มธนาคาร กำไรสุทธิรวม 7 ธนาคาร 1Q25 อยู่ที่ 5.84 หมื่นลบ. +12% q-q, +5% y-y สูงกว่าเราและตลาดคาด 6-7% หลักๆมาจากแบงก์ขนาดใหญ่มีกำไรจากเงินลงทุนที่มากกว่าคาด โดย NIM รวมลดลง 19bp q-q ส่วน NPL โดยรวมอยู่ที่ 3.68% +12 bps q-q สูงกว่าเราคาดที่ 3.62% โดย NPL ของ KBANK, KTB มีความกังวลเล็กน้อย ขณะที่ BBL, KKP มี NPL เพิ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ ยังให้น้ำหนักลงทุนเป็น Neutral แนะนำ “ซื้อ” KBANK KTB และ BBL
(+) KBANK กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.38 หมื่นลบ. +1% y-y, +28% q-q ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 7-9% จากการตั้งสำรองหนี้ credit cost ที่ 159 bps ดีกว่าที่เราคาด และตามเป้าของธนาคาร และการควบคุม OPEX ดีกว่าคาด แม้สินเชื่อหดตัวและ NIM ลดลง คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมยังอยู่เกณฑ์ดี NPL ratio 3.75% และการไหลของ NPL เริ่มลดลงชัดเจนมากขึ้น ราคาเป้าหมาย 186 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) SCB กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.25 หมื่นลบ. +11% y-Y, +7 q-q ดีกว่าที่เราคาด 9% และ consensus 5% หลักๆ มาจากการตั้งสำรอง และค่าใช้จ่าย opex ออกมาต่ำกว่าคาด สินเชื่อขยายตัว 0.9% q-q ตามคาด คุณภาพสินทรัพย์ภาพรวมทรงตัว q-q จาก NPL 4.06% และ credit cost 159bp อย่างไรก็ดีเราเห็น NPL กลุ่ม SME กับบ้าน ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งยังเป็นความกังวลต่อไป ราคาเป้าหมาย 130 แนะนำ “ถือ”
(-) KKP กำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 1.06 พันลบ. -30% Y-Y -25% q-q ต่ำกว่าที่เราคาด 10% และต่ำกว่า consensus 15% หลักๆ มาจากการตั้งสำรองหนี้ credit cost เพิ่มขึ้น ตาม NPL ratio ที่ขึ้นเป็น 4.4% เราเห็น NPL ที่ขึ้นมาจากกลุ่ม micro SME และกลุ่ม property developers ส่วนกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ทรงตัว ขาดทุนรถยึดลดลงเหลือ ประมาณ 700 ลบ. ราคาเป้าหมาย 55.50 บาท ยังคงแนะนำ “ถือ”
(+) กลุ่ม Commerce คาด SSSG 1Q25 หดตัวเฉลี่ย 0.4% y-y โดยกลุ่ม Consumer staples ทนทานความเสียงได้ดีกว่าเซกเมนต์อีน คาดกำไรรวม 1Q25 -9.9% q-q, +7.7% y-y คิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปี กลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจำกัดจากสงครามการค้า เรายังให้น้ำหนักกลุ่มนี้เป็น Overweight ชอบ CPALL ที่สุดในกลุ่ม
(-) GLOBAL คาด SSSG 1Q25 -8.3% y-y ทำให้คาดกำไร 1Q25 ที่ 560 ลบ. +7.0% q-q, -22.8% y-y และจากกำไร 1Q25 ที่อ่อนแอ นำไปสู่การปรับประมาณการลงเป็น -4% y-y ในปี 2025 ก่อนจะฟื้นตัวในปี 2026 เป็นลำดับ ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 7.80 บาท ถูกแต่ยังไม่เห็นการฟื้นตัวในระยะใกล้แนะนำ “ถือ”
(+) DOHOME คาดกำไร 1Q25 ที่ 253 ลบ. +57.9% q-q, +3.4% y-y โดยคาด SSSG 1Q25 +2.5% y-y ส่วนประมาณการ SSSG ทั้งปี 2025 ของเราอยู่ที่ +3% conservative กว่าบริษัท แต่ขยับ SG&A ขึ้น เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2025-27 ลง 9%/9%/5% เป็นกำไรเติบโต 25%/36%/17% y-y ตามลำดับ ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 7.50 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
(+) HMPRO คาด SSSG 1Q25 -3.0% y-y และจะปรับตัวดีขึ้นใน 2H25 และการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มากขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น คาดกำไรปกติ 1Q25 ทรงตัว q-q, y-y และคิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 6.8 พันลบ. +4.8% y-y ราคาเป้าหมาย 11.80 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ -2SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี คงคำแนะนา “ซื้อ”
(+) CPF เข้าซื้อ CPP สัดส่วน 23,8% จาก Itochu Corporation ทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 100% มูลค่า 3.7 หมื่นลบ. คิดเป็น PE เข้าซื่อที่ราว 11-12x ถือว่าเหมาะสม คาดดีลนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค.นี้ วัตถุประสงค์เข้าซื้อครั้งนี้เพื่อสร้างกำไรส่วนเพิ่มจากการเข้าถือหุ้นมากขึ้น และเพื่อปรับโครงสร้าง CPP ก่อนเตรียมตัว IPO ในตลาดหุ้นเวียดนาม ภายหลังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 100% คาด CPF จะมีกำไรส่วนเพิ่มหลังหักดอกเบี้ยจ่ายสุทธิภาษีในปี 2025 ราว 1 พันลบ.หรือราว 4.5% ของประมาณการกำไรปี 2025 ราคาเป้าหมายเราจะเพิ่มเป็น 32 บาท จากปัจจุบันที่ 30 บาท
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 971.82 จุด หรือ -2.48%, ปิดที่ 38,170.41 จุด ปิดร่วงลงอย่างหนัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เดินหน้าโจมตีเจอโรมพาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า
(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทำการเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางตลาดสหรัฐฯ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าโจมตีเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 33.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.78%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.47% ปิดที่ 63.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดร่วงลงกว่า 2% หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดัน จากการที่นักลงทุนวิตกกังวลว่าสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 63.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.55%
(+) ราคาทองคำตลาด COMEX เพิ่มขึ้น 96.90 ดอลลาร์ หรือ 2.91% ปิดที่ 3,425.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,400 ดอลลาร์ และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,445.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.60%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 952.29/-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 เม.ย. | IMF/World Economic Outlook |
24 เม.ย. | สหรัฐ: Exiting Home Sales (มี.ค.), Durable Good Order (มี.ค.) |
25 เม.ย. | ไทย: ส่งออก (มี.ค.) อังกฤษ: ค้าปลีก (มี.ค.) |
26 เม.ย. | IMF/World bank Spring Meetings |
29 เม.ย | สหรัฐ: JOLTs Job Openings (มี.ค.) |