Daily Focus: Sentiment บวกจากต่างประเทศหนุน SET ลุ้นผ่านต้าน 1,157+- จุด

2025 SET Target: 1180

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ตามคาดเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนีปิดบวก 9.72 จุด ที่ระดับ 1,153.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 3.8 หมื่นลบ. นำโดย DELTA และ CCET ที่ปรับตัวขึ้นเด่น โดยตลาดคลายกังวลสงครามการค้าลงบ้างหลังทรัมป์ส่งสัญญาณลดภาษีเรียกเก็บจากจีนลงในระยะถัดไป รวมถึงไม่มีเจตนาจะปลดประธาน FED ออกจากตำแหน่ง สถาบันในประเทศซื่อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.3 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 2.8 พันลบ. (แต่ Short Index Futures 8.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งฟื้นตัวทดสอบแนวต้านหลักบริเวณ 1,157-1,160 จุดอีกครั้ง โดยยังคงได้แรงหนุนจากฝั่งสหรัฐฯ รับความคาดหวังว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนจะคลี่คลายลงหลังจากนี้ และมีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่ โดยระบุภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 145% เป็นอัตราที่สูงมากและไม่ยั่งยืน ปัจจัยดังกล่าวยังคงหนุนให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นที่ปรับตัวลงแรงก่อนหน้าต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ด้านราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเนื่องจากบางประเทศใน OPEC เรียกร้องให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่องในเดือนมิ.ย. อีก 4.1 แสนบาร์เรลต่อวัน คาดยังกดดันกลุ่มพลังงาน แต่เป็นบวกต่อกลุ่ม Anti-Commodity และ Consumption ด้าน ปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขส่งออกไทยเดือน มี.ค. ตลาดคาดเติบโต 13% y-y จากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แต่คาดการเติบโตจะชอตัวในระยะถัดไปโดยเฉพาะ 2H25 ซึ่งขึ้นอยู่กับการเจรจาว่าจะปรับลดภาษีตอบโต้จาก 36% ลงมากน้อยเพียงใด ส่วนภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจที่ไทยคาดต่ำ 2% ปีนี้ ยังเปิดช่องให้กนง. ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้อีกราว 50 bps จากปัจจุบันที่ 2% สระดับ 1.5% เพื่อพยุงเศรษฐกิจจากความไม่แน่นอน ระยะสั้นต้องติดตามการทยอยประกาศกำไร 1Q25 ของฝั่ง Real Sector ว่าจะออกมาต่ำกว่าคาดและนำไปสู่การปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดลงมากน้อยเพียงใดจากปัจจุบันที่อยู่ราว 91.50 บาท เรายังมองระยะกลางกลุ่ม Consumer Staple ยังน่าสนใจท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมีความไม่แน่นอน ขณะที่กลุ่ม Export มีโอกาสปรับตัวเด่นจาก Sentiment บวกระยะสั้น

กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25-2025 แข็งแกร่งและกระทบจำกัด ต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BA, BBL, CPF, HMPRO, OSP

FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR

หุ้นเด่น Finansia 24 เม.ย. 25 : AAV

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท
  • เรามองราคาหุ้นที่ปรับลงเกือบ 40% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตอบรับเชิงลบมากเกินไปต่อแนวโน้มกำไรปกติ 1Q25 ที่คาดยังทรงตัวได้ y-y ที่ 1.2 พันลบ. ขณะที่ 2Q25 คาดปริมาณผู้โดยสารคาดยังทรงตัว แต่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับลงแรง 15-20% จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา 
  • เราปรับลดประมาณการกำไรปกติลงเล็กน้อย 4-5% เป็นชะลอตัว -10% y-y ในปี 2025 ก่อนฟื้นตัว +10% y-y ในปีหน้า อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER ต่ำเพียง 7 เท่า และให้ปันผลราว 6% ต่อปี ระยะสั้นมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของราคา
  • แนวรับ 1.36//1.30 บาท แนวต้าน 1.44//1.50 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิตามคาด US$667 ล้าน แต่กระจุกตัวที่ไต้หวันประเทศเดียว US$881 ล้าน ขณะที่เกาหลีใต้ไหลออก US$108 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศบางๆ ยกเว้นไทยไทยที่ไหลออกหนาแน่น US$85 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนในทิศทางไหลเข้า หลังตลาดยังคาดหวังเชิงบวกต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลงบ้างในระยะถัดไป หนุนเม็ดเงินไหลเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) จับตาส่งออกไทยเดือน มี.ค. ตลาดคาดเติบโต 13% y-y โดยยังได้แรงหนุนจากการเร่ง ส่งออกก่อนมาตรการ Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ หากออกมาตามคาดจะทำให้ส่งออกไทย 1Q25 เติบโต 14% y-y สูงกว่าเป้าหมายของภาครัฐที่ 2-3% อย่างไรก็ตาม คาดการส่งออกยังมีความเสี่ยงชะลอตัวใน 2H25 ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีหลังเจรจาการค้าว่าจะปรับลดลงมาได้มากน้อยเพียงใด

(+) BTG คาดกำไรสุทธิ 1Q25 อาจสูงถึง 1.76 พันลบ. +79% q-q และพลิกจากขาดทุนใน 1Q24 แตะระดับสูงที่สุดในรอบ 9 ไตรมาส และสูงกว่าที่เราเคยคาด 40% จากทั้งราคาหมูและไก่ที่ปรับสูงขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นเป็น 17.2% ซึ่งสูงกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 15% และสูงกว่าประมาณการของบริษัท แนวโน้มกำไร 2Q25 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากตัวเลขประมาณกำไร 1Q25 ที่สูงขึ้น จะทำให้มี Upside จากประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ของเราปัจจุบันอยู่ที่ 3.99 พันลบ. +62% y-y ราคาเป้าหมาย 27 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) CKP คาดกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 8 ลบ. ลดลงมาก q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่พลิกจากขาดทุน 461 ลบ. ใน 1Q24 จากส่วนแบ่งขาดทุนในโรงไฟฟ้าไซยะบุรีและหลวงพระบางลดลงอย่างมากหลักๆ มาจากผลกระทบจาก FX แนวโน้ม 2Q25 ยังดีต่อจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นก่อนเข้าสู่ Peak Season 3Q25 เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2025 +11%y-y จากปริมาณการไหลของน้ำที่ดีและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ราคาหุ้นลงลึกเกิน NAV ที่ราคาเป้าหมาย 3.4 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) M คาดกำไรสุทธิ 1Q25 ที่ 298 ลบ. -16% q-q, -14% y-y สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 ไตรมาส จากการบริโภคที่อ่อนแอ อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในเดือน เม.ย. ลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ -18% ถึง -20% y-Y ลดลงต่อเนื่องจาก -11% y-y ใน 1Q25 คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 1.46 พันลบ. ทรงตัว y-y และราคาเป้าหมาย 24 บาท ราคาหุ้นลดลงแล้ว แต่กำไรยังไม่โต ยังแนะนำ “ถือ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 419.59 จุด หรือ +1.07%, ปิดที่ 39,606.57 จุด ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่าง SAP และจากการที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ดูเหมือนจะผ่อนคลายลง ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก

(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกตามทิศทางตลาดสหรัฐฯ ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐฯและจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้า

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่บริเวณ 33.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.25%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 62.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส กำลังพิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าอาจจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 62.25 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.03%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 125.30 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 3,294.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดร่วงลงกว่า 3% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังส่งสัญญาณปรับลดภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากจีน ในขณะที่เช้านี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3,322.00ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.85%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 949.14/ 0.15%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

24 เม.ยไทย: ส่งออก (มี.ค.)

สหรัฐ: Exiting Home Sales (มี.ค.), Durable Good Order (มี.ค.)

25 เม.ย.อังกฤษ: ค้าปลีก (มี.ค.)
29 เม.ยสหรัฐ: JOLTs Job Openings (มี.ค.)
30 เม.ยไทย: ประชุม กนง.

สหรัฐ: Core PCE price Index (มี.ค.), 1Q25 GDP growth

จีน: NBS Manufacturing PMI (เม.ย.)

ยูโรโซน: 1Q25 GDP growth

 

- Advertisement -