Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยได้ ADVANC TRUE CPALL GULF ที่ปรับตัวขึ้นประคองตลาด และชดเชย PTTEP PTT CRC DELTA ที่ปรับลง โดยดัชนีปิดลบเล็กน้อย 4.70 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,363.25 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 4.9 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 980 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 2.2 พันลบ. (และพลิกมา Short Index Futures 1.66 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,355-1,370 จุด โดยบรรยากาศการลงทุนคาดได้อานิสงส์บวกอ่อนๆ หลัง Bond Yield สหรัฐฯและ Dollar Index ย่อตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ตอบรับถ้อยแถลงของประธาน FED ที่โดยรวมไม่ได้ Hawkish กว่าที่ตลาดคาด ส่วนคืนนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามคือการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน เม.ย. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.43 แสนตำแหน่ง และคาดค่าจ้างแรงงงาน +0.3% m-m, +4% y-y หากออกมาน้อยกว่าคาดเล็กน้อยจะเป็นบวกและทำให้ตลาดยังมีความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสยังอยู่ที่การทยอยประกาศประกอบการ 1Q24 ของฝั่ง Real Sector โดยรวมคาดเห็นการเร่งตัวแรง q-q และทรงตัว y-y และรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย. กลยุทธ์เราจึงเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาดและกระทบจากความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกจำกัด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงหนุนจากนโยบาย Digital Wallet ปลายปี
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU
FSSIA Portfolio: AOT, BDMS, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, TIDLOR and TU
หุ้นเด่นวันนี้ : TU
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17.30 บาท
- จากกำไร ITC ที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้แนวโน้มกำไรปกติ 1Q24 ของ TU มีโอกาสออกมาสูงกว่าที่เราคาดที่ 882 ลบ. -25% q-q, +9% y-y เช่นกัน ล่าสุดตัวเลขส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปยังขยายตัวได้เป็นเดือนที่ 3 และดีที่ตลาดสหรัฐฯ ออกเตรเลีย อิสราเอล เป็นบวกต่อ TU
- บริษัทมองแนวโน้มรายได้จะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q24 และเริ่มเห็นผลบวกจากการหยุดรับรู้ผลขาดทุนจาก Red Lobster เรายังคาดกำไรปกติปี 2024 โต +6.5%
- แนวรับ 14.80-14.60 บาท แนวต้าน 15.50//16 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$769 ล้าน โดยออกจากทุกประเทศนำโดยไต้หวัน US$467 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$161 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ ไทย และเวียดนามไหลออกประเทศละ US$34-60 ล้าน อย่างไรก็ตามแนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสพลิกมาไหลเข้าได้อ่อนๆหลัง Bond Yield สหรัฐฯและ Dollar Index ย่อตัวลง เป็นบวกกับค่าเงินสกุลเอเชีย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่ม REIT สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยหยุดการปรับขึ้นหรือเป็นขาลง เอื้อต่อการลงทุนใน REIT ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับรายได้เป็นค่าเช่าคงที่ และมีบางส่วนที่เป็นค่าเช่าแปรผันไปตามเงินเฟ้อหรือเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต นอกจากนี้ ในปัจจุบันที่ตลาดหุ้นไทยผันผวน การเพิ่มสัดส่วน REIT เข้ามาในพอร์ต ยังช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของพอร์ตได้ แม้ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนใน REIT น่าสนใจกว่าหุ้นในกลุ่มธุรกิจอื่น แต่ Dividend yield เฉลี่ยของ REIT สูงกว่าของ SET และ SETHD ทุกปีตลอด 15 ปีที่ผ่านมาแม้แต่ช่วงโควิด-19 แนะนำ REIT คลังสินค้า ศูนย์การค้า และโรงแรมที่คาด Yield สูง 9-10% และ REIT ที่โตตามการบริโภคและท่องเที่ยว คาด Yield 8-10% โดยกอง REIT แนะนำได้แก่ AIMIRT, CPNREIT, LHHOTEL, LHSC, WHAIR
(+) ITC กำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 821 ลบ. +7% q-q, +93% y-Y ดีกว่าเราและตลาดคาด 18%-20% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่พุ่งขึ้นแรงจากรายได้สินค้า Premium ฟื้นแรง กอปรกับต้นทุนปลาทูน่าลดลง ขณะที่รายได้รวมตามการเติบโตของการส่งออก pet food ของไทย โดยกำไรสุทธิ 1Q24 คิดเป็น 26% ของประมาณการทั้งปี 2024 ที่ 3.2 พันลบ. +39% y-y ราคาเป้าหมาย 27 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(-) CRC คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 2.25 พันลบ. -14% q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่ +1% y-y จากยอดขายและคุมค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ SSSG +1% หนุนจากกลุ่ม Food และ Fashion แนวโน้มกำไรปกติ 2Q-3Q24 ไม่ตื่นเต้น คาดลดลง q-q ตามปัจจัยฤดกาล ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2024 เติบโต 15% y-y และคาดจะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้นในครึ่งปีหลัง หนุนจากการฟื้นตัวของเวียดนามและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ราคาเป้าหมาย 44 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) BH โทนประชุมโดยรวมเป็นบวก ผู้บริหารให้เป้ารายได้เติบโต 2Q24 ที่ single-digit ขณะที่เราคาดรายได้และกำไรปกติ ทรงตัว q-q และเติบโต 15-20% y-y ส่วนประเด็นรัฐบาลคูเวตปรับลด payment guarantee ผู้บริหารกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลคูเวตและคาดว่าน่าจะกลับมาใช้ payment guarantee ตามเดิมได้ใน 3Q24 และยังคาดว่าจะมีโรงพยาบาลที่จะได้รับอนุมัติเหลือเพียง 2-3 แห่ง จากเดิม 17 แห่ง เรายังคงประมาณการปี 2024 +7% y-y และราคาเป้าหมาย 305 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 322.37 จุด หรือ +0.85% ปิดที่ 38,225.66 จุด โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่ประธานเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า นอกจากนี้ การชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง, แนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB หลังจากเดือนมิ.ย. และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก สอดคล้องกับตลาดสหรัฐฯ หลังการประกาศตัวเลขการจ้างงาน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.39%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 78.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดถูกกดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกชะลอตัว, สต็อกน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และจากการที่นักลงทุนมีความหวังน้อยลงว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 79.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.49%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.06% ปิดที่ 2,309.60 โดยตลาดถูกกดันจากความกังวลว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,313.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.16%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 829.60/ -0.17%