บล.คันทรี่ กรุ๊ป: 

กำไรปกติ 3Q21 ลดลงอย่างมีนัยยะ แย่กว่าคาด

DTAC รายงานกำไรสุทธิ 3Q21 ที่ 832 ล้านบาท (-42%YoY, -46%QoQ) ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของเรา 41% จากค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น

  • รายได้ของบริษัท อยู่ที่ 1.92 หมื่นล้านบาท (คงที่ YoY, -4% QoQ) เป็นไปตามคาดการณ์ของเรา และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26.6% (4.6ppts YoY, 2.4ppts QoQ) ต่ำกว่าสมมติฐานของเรา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย 1.46 พันล้านบาท (+22% QoQ)
  • จำนวนผู้ใช้บริการรวมเท่ากับ 19.27 ล้านเลขหมาย (+3.2% YoY, คงที่ QoQ) เพิ่มขึ้น 25,000 เลขหมาย จากใน 2Q21 ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของสมาชิกแบบเติมเงิน Blended ARPU อยู่ที่ 241 บาท (-6% YoY) ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ 1Q21 จากการทำสงครามราคาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
  • เราคาดว่าผลการดำเนินงาน 4Q21 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดเช่นเดียวกับในช่วงเดียวกันกับ 3 ปีที่ผ่านมา จากการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ iPhone 13 (อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ 3 ปีที่ผ่านมา: -125%)
  • ปรับลดประมาณการกำไรลง 10% ในปี 2021-23E เพื่อสะท้อนถึงสมมติฐาน OPEX ที่สูงขึ้น

คงคำแนะนำ “ขาย” และปรับราคาเป้าหมายลง 9% เป็น 29.70 บาท จากวิธี DCF (WACC: 7.9%, TG: 2%) อิง 16.5xPE’22E ซึ่งต่ำกว่า The Thai Telecom sector ที่ 23.8xPE’22 ถึง 31% ซึ่งการปรับลดเป็นการสะท้อนตำแหน่งทางการตลาดที่ตกต่ำ ซึ่งเห็นได้จากการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 2) มีโอกาสในการเติบโตน้อยด้วยพอร์ตคลื่นความถี่ที่แคบกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และ 3) ยังมีมุมมองที่ไม่ชัดเจนในการก้าวเข้าสู่ยุค 5G

Results Summary

  • DTAC รายงานกำไรสุทธิ 3Q21 ที่ 832 ล้านบาท (-42% YoY, -46% QoQ) ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของเรา 41% จากค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น
  • รายได้ของบริษัท อยู่ที่ 1.92 หมื่นล้านบาท (คงที่ YoY, -4% QoQ) เป็นไปตามคาดการณ์ของเรา และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26.6% (-4.6ppts YoY, -2.4ppts QoQ)
  • ใน 3Q21 บริษัทมีจำนวนผู้ใช้บริการรวมเท่ากับ 19.27 ล้านเลขหมาย (+3.2% YoY, คงที่ QoQ) ซึ่งเพิ่มขึ้นสุทธิ 25,000 เลขหมายจากใน 2Q21 โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของจํานวนผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน Blended ARPU อยู่ที่ 241 บาท (-6% YoY) ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ 1Q21 จากการทำสงครามราคาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มกำไร 4Q21E

  • เราคาดว่าผลการดำเนินงานใน 4Q21 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดเช่นเดียวกับในช่วงเดียวกันกับ 3 ปีที่ผ่านมา จากการเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ iPhone 13 (อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ 3 ปีที่ผ่านมา: -125%)

ปรับลดกำไรลง 10% ในปี 2021-23E

ปรับลดกำไรสุทธิลง 20% ในปี 2021E

เราได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2021E, 2022E และ 2023E ลง 20%, 10%, และ 0.8% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงสมมติฐานด้านค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่สูงขึ้นตามที่ผู้บริหารได้ให้แนวทางไว้

(อัตราค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายต่อรายได้ใน 3Q21 อยู่ที่ 10.4% เพิ่มขึ้นจาก 9.7% และ 8.4% ใน 1Q21 และ 2Q21 ผู้บริหารประกาศว่าการเพิ่มขึ้น เป็นการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมสำหรับผู้ใช้ 4G/5G และยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ทั่วประเทศนี่เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ 1Q19 ที่อัตราค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายต่อรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาถึงการเพิ่มขึ้นอัตราค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายต่อรายได้ใน 21-23E ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ

Revenue Breakdown

บริษัท มีรายได้จากสองแหล่งหลักคือ:

บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่คิดเป็น 76% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2020 โดยบริษัทมีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 19 ล้านราย ซึ่งร้อยละ 68 เป็นลูกค้าในระบบเติมเงิน (การชำระเงินตามความต้องการและการใช้งานที่จำกัด ) และส่วนที่เหลือเป็นลูกค้าระบบรายเดือน (การชำระเงินหลังการใช้บริการโดยมีระดับของการส่งข้อมูลที่แตกต่างกันหลายระดับ) และรายได้ส่วนอื่นๆ คิดเป็น 15% ของรายได้รวม ซึ่งเกี่ยวกับการให้บริการ IDD (การโทรระหว่างประเทศ) และบริการสื่อดิจิทัลอื่นๆ

การจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์และชุดเลขหมายคิดเป็น 9% ของรายได้รวมของบริษัท โดยธุรกิจส่วนนี้เกี่ยวข้องกับการขายซิมและอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ซึ่งมักจะจำหน่ายควบคู่ไปกับบริการโทรศัพท์มือถือ แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วบริษัทจะรับรู้ขาดทุนจากส่วนธุรกิจนี้ แต่การขาดทุนจะได้รับการชดเชยด้วยการขยายฐานผู้ใช้บริการใหม่

- Advertisement -