บล.พาย:
MTC: Muangthai Capital PCL
กำไรกลับมาเติบโตแข็งแกร่งในปี 2024
เราปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 53 บาท ผลการดำเนินงานใน 1Q24 ออกมาตามคาดมีกำไรสุทธิที่ 1.4 พันล้านบาท (+29.8% YoY, +2.8% QoQ) อยู่บนเส้นทางการฟื้นตัว ขณะที่งบดุลแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ NPL ratio ปรับลดลงเหลือ 3% และ Coverage ratio ปรับขึ้นเป็น 120.9% เอื้อต่อการผ่อนคลายนโยบายสำรองหนี้ฯในอนาคต เรามีมุมมองเป็นบวกหลังการประชุมนุกวิเคราะห์ โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ขณะที่คาดว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิจะกลับเติบโตแข็งแกร่งที่ 19.2%/21.9% ในปี 2024-25 สำหรับแนวโน้มใน 2Q24 เรามองว่าผลการดำเนินงานจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขยายตัว YoY และ Q0Q หนุนจากการขยายสินเชื่อและการควบคุมค่าใช้จ่ายทำให้ Cost to income ratio ปรับลดลง
การประชุมนักวิเคราะห์
- หลังจากควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดีขึ้น บริษัทกลับสู่โหมดการเติบโตแต่จะเน้นทำธุรกิจที่ชำนาญ โดยเฉพาะเน้นโตสินเชื่อที่มีหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียนและที่ดิน) และมองการเติบโตแบบยั่งยืนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
- บริษัทยังคงเป้าหมายการเงินปี 2024 แต่จะดูแนวโน้มคุณภาพหนี้อีก 1 ไตรมาสข้างหน้า ทำให้มีโอกาสที่ Credit cost อาจต่ำกว่าเป้าหมาย ที่ <3.5% (1Q24: 3.1%) หลังจาก NPL ratio และ Stage 2 ratio ลดลงใน 1Q24 เพราะพนักงานมีประสบการณ์ในการติดตามหนี้ และการคัดกรองลูกหนี้ดีขึ้น ขณะที่ลูกค้ากลุ่มเกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น
- เป้าหมายการเงินปี 2024 (1) สินเชื่อโต 15-20% (2) NPL ratio <3.2% (3) Credit cost <3.5% (4) ต้นทุนการเงิน 4.0-4.2% (5) cost to income ratio 46-47% และ (6) สาขาใหม่เพิ่ม 600 แห่ง
- บริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มใน 2Q24 จากการขยายสินเชื่อดีขึ้น, การติดตามหนี้ดีขึ้น และอัตราผลตอบแทนสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากจำนวนวันในการดำเนินงานมากขึ้น แต่บริษัทยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ นอกจากนี้ ผู้บริหารมองว่า NPL ratio ใน 4 ไตรมาสข้างหน้าจะลดลงได้ต่ำกว่า 3% ในปัจจุบัน
- มุมมองบวกต่อเม็ดเงินใหม่จากงบประมาณ เพราะจะทำให้สามารถการเก็บหนี้ได้ดีขึ้น แม้ว่าอาจจะกระทบความต้องการสินเชื่อชะลอลงเพราะจะเป็นการชะลอตัวลงในระยะสั้นเท่านั้น
คาดกำไรสุทธิกลับมาโตแกร่งในปี 2024
หลังจากประสบปัญหาหนี้เสียเร่งตัวขึ้นในปี 2021-23 เรามองว่าหนี้เสียจะเพิ่มชะลอตัวลง และ NPL ratio แนวโน้มทรงตัวที่ 3% ในปี 2024 ทำให้คาดว่าบริษัทสามารถผ่อนคลายนโยบายสำรองหนี้ฯ ลงได้ โดยคาด Credit costs ลดลงที่ 3.2% ในปี 2024 ลดลงจากระดับสูง 3.7% ในปี 2023 เราคงมุมมองบวกต่ออัตราการเติบโตกำไรสุทธิจะกลับมาแข็งแกร่งที่ 19.2% ในปี 2024 (2023: -3.7%) หนุนจากรายได้ดอกเบีย สุทธิขยายตัวจากการเติบโตของสินเชื่อ และ ROE เพิ่มขึ้นเป็น 17% ในปี 2024 จาก 16.1% ในปี 2023
ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานใหม่ 53 บาท
เราปรับมูลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 53 บาท จาก 50 บาท คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 17.5%, TG 5%) อึงจาก 3.0x PBV’24E และ 19.2x PE’24E เรามีมุมมองบวกมากขึ้นต่อคุณภาพสินเชื่อดีกว่าคาด และปรับ ROE ระยะยาวขึ้นเป็น 17.5% (เดิม 17%) ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
สรุปผลการดำเนินงานใน 1Q24
- กำไรสุทธิงวด 1Q24 ออกมาแข็งแกร่งที่ 1.4 พันล้านบาท (+29.8% YoY, +2.8% QoQ) โดยกำไรสุทธิเติบโต YoY และ QoQ หนุนจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวล้อกับการขยายสินเชื่อ (2) รายได้ค่าธรรมเนียมดีขึ้น และ (3) Credit cost ลดลงที่ 3.1% (-34 bps YoY, -50 bps QoQ)
- NIM ใน 1Q24 ปรับลดลงที่ 14.8% จากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อลดลง เพราะจำนวนวันทำงานลดลง ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยปรับขึ้นเล็กน้อย ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงาน (CIR) เพิ่มขึ้น QoQ เป็น 47.8% จากการขยายสาขาต่อเนื่อง โดยจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 7,788 แห่ง (+251 แห่ง QoQ) โดยสินเชื่อต่อสาขาเฉลี่ยลดลงเล็กน้อย QoQ ที่ 19 ล้านบาท
- สินเชื่อรวมเติบโตชะลอตัว 3% QoQ ใน 1Q24 (+17.4% QoQ) หนุนจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเป็นหลัก แต่สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ปรับลดลง
- คุณภาพสินเชื่อดีกว่าคาด หนี้เสียทรงตัวที่ 4.5 พันล้านบาท โดย NPL ratio ปรับลดลง QoQ เหลือ 3% ใน 1Q24 จากการบริหารจัดการคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และ Stage 2 ratio ลดลงที่ 9% (4Q23: 9.8%) โดยมี Coverage ratio ปรับขึ้น QoQ เป็น 120.9%