Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยปิดลบอีกเล็กน้อย 4.04 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,369.29 จุด มูลค่าการซื้อขายบางลงเล็กน้อยเหลือ 4 หมื่นลบ. โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 1.3 พันลบ. (และ Short Index Futures อีกเล็กน้อย 5.2 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways Up ในกรอบ 1,368-1,380 จุด ได้แรงหนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้น ตลาดยังคาดหวังเชิงบวกต่อโอกาสลดดอกเบี้ยของ FED หลังตัวเลขผู้รับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯออกมาสูงสุดในรอบ 8 เดือน ส่งผลให้ Bond Yield ขยับตัวลงเล็กน้อย หนุนตลาดหุ้นฟื้นตัว นอกเหนือจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเงินเฟ้อคาดการณ์สหรัฐฯที่จะประกาศคืนนี้ โฟกัสหลักยังอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน เม.ย. ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะกำหนดทิศทางของสินทรัพย์เสี่ยงและเป็นข้อมูลใหม่สำหรับตลาดในการประเมินโอกาสการลดดอกเบี้ยของ FED ส่วนในประเทศโฟกัสยังอยู่ที่การประกาศผลประกอบการ 1Q24 ของบจ. โดยตัวเลขเท่าที่ประกาศออกมาแล้วเบื้องต้นดูดีกว่าที่ตลาดคาดราว 6% ซึ่งเป็นสัญญาณบวก และเชื่อว่าจะช่วยจำกัด Downside ของประมาณการ EPS ปี 2024 ของเราที่ราว 91.50 บาทได้ และทำให้เรายังคงมุมมองว่า SET Index น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในรอบที่ผ่านมา กลยุทธ์เราจึงเน้นถือลงทุนต่อเนื่องและเลือก หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยัง น่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงหนุนจากนโยบาย Digital Wallet ปลายปี
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU
FSSIA Portfolio: AOT, BMS, CALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, TIDLOR and TU
หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท
- จะประกาศกำไร 1Q24 วันนี้ เราคาดที่ 4.86 พันลบ. -13% q-q, +29% y-y หนุนจากยอดขายทั้ง 3 ธุรกิจที่ดีขึ้นและมี SSSG เป็นบวกราว 3.5-6% y-y ด้าน Margin ของธุรกิจ CVS ดีขึ้นจาก Product Mix
- ระยะสั้นโมเมนตัม 2Q24 คาดว่าจะเติบโตได้ทั้ง q-q และ y-y จากวันหยุดยาวและฤดูร้อนหนุนเครื่องดื่มขายดี Margin สูง เราคาดกำไรปีนี้ที่ 2.1 หมื่นลบ. +16% y-y
- แนวรับ 57.50//56 บาท แนวต้าน 60//62 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$1,132 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$727 ล้าน และ US$277 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลออกนำโดยเวียดนาม US$67 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลออกหลังผู้ขอรับสวัสการว่างงานสหรัฐฯรายสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามโฟกัสโฟกัสหลักยังอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯสัปดาห์หน้า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มสายการบิน เราคาดว่าทั้ง BA และ AAV จะมีกำไรปกติ 1Q24 ราว 1 พันลบ. ทำ Record High (หลังโควิด) หนุนจากค่าตั๋วที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแรง รวมถึง Load Factor ที่อยู่ในระดับสูง ระยะถัดไปยังเชือว่าค่าตั๋วจะยังยืนในระดับสูงจากการแข่งขันและ Supply ของเครื่องบินที่ยังต่ำ ส่วนราคาน้ำมันเจ็ทปรับตัวลง 6% YTD สวนทางน้ำมันดิบทำให้ยังไม่เป็นแรงกดดันต่อต้นทุน เราคาด Catalyst ระยะสั้นอาจเห็นการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของตลาดหลังประกาศงบ 1Q24 ส่วนด้าน Valuation ยังไม่แพง ปัจจุบันเทรด PER ราว 12-14 เท่า ยังคงราคาเป้าหมาย BA ที่ 22 บาท และ AAV ที่ 3.10 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) CPAXT กำไรปกติ 1Q24 ออกมาที่ 2.48 พันลบ. -24% q-q. +19% y-y เป็นไปตามคาด หนุนจากรายได้ของทั้ง Makro และ Lotus’s ที่เพิ่มขึ้น รวมดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ขณะที่ GrossMargin ขยับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โมเมนตัมกำไร 2Q24 คาดว่าจะยังดีต่อจาก SSSG QTD ที่ยังเป็นบวก ยังคงประมาณการกำไรปี 2024 +21% y-y และราคาเป้าหมาย 36 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) SAV กำไร 1Q24 ไม่รวมภาษีหัก ณ ที่จ่ายอยู่ที่ 116 ลบ. +13 q-q, +45% y-y ดีกว่าคาด 7% จากค่าใช้จ่าย SG&A ที่ต่ำคาดและรายได้อื่นที่สูงกว่าคาด เราคาดโมเมนตัมการเติบโต y-y ยังดีต่อใน 2Q24 หนุนจากปริมาณเที่ยวบินขึ้น-ลงและบินผ่านที่เพิ่มขึ้น ประมาณการมี Upside แนะนำ “ซื้อ” เพิ่มราคา 5-7% ภายในปีนี้และการขยายธุรกิจในลาว ราคาเป้าหมาย 25 บาท
(+) GFPT กำไรปกติ 1Q24 ออกมาที่ 441 ลบ, +9 q-q, +86% y-y ดีกว่าคาด 6% หนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (GF และ McKey) ที่เพิ่มขึ้นแรง รวมถึง Gross Margin ที่ดีขึ้น แนวโน้มกำไร 2Q24 คาดยังโตได้อีกเล็กน้อย q-q ตามฤดูกาลและต้นทุนที่ลดลง ราคาเป้าหมายปัจจุบันอยู่ที่ 14.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) TACC กำไร 1Q24 ออกมาที่ 61 ลบ. +4 q-q, +44% y-y หนุนจากรายได้ที่โตโดดเด่นและ Gross Margin ที่ดีขึ้น แนวโน้ม 2Q24 ยังดีจากฤดูร้อน แต่ 2H24 มีแรงกดดันจากราคากาแฟที่ปรับขึ้น เราปรับลดกำไรลง 6% เหลือเติบโต 3% y-y ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 6.30 บาท ลดคำแนะนำเป็น “ถือ”
(+) IPO ใหม่ MAGURO ดำเนินธุรกิจร้าอนาหารระดับ Premium – Mass สไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลี ปัจจุบันมี 3 แบรนด์ ได้แก่ MAGURO, SSAMTHING Together และ Hitori Shabu ปัจจุบันมี 26 สาขา ตังอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เน้นลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง-สูง จุดแข็งคือทีมงานผู้บริหารและการให้ความสำคัญกับ R&D บริษัทมีแผนขยายสาขาใหม่ในปี 2024 ราว 11 สาขาและคาด 3 ปีข้างหน้าจะเปิดไม่น้อยกว่าปีละ 10 สาขา และมีโอกาสขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เราคาดกำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย +30% CAGR ประเมินราคาเป้าหมาย 24 บาท (Finansia เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 331.37 จุด หรือ +0.85% ปิดที่ 39,387.76 จุด ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดมีความหวังว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่ม อุตสาหกรรม อาทิ หุ้นซีเมนส์, เอบีบี และชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซึ่งพุ่งขึ้นมากกว่า 1%
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางของตลาดสหรัฐฯ หลังปิดบวกได้ต่อเนื่อง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.53%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 79.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด และจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีนซึ่งเป็น 2 ประเทศที่ใช้น้ำมันดิบสูงสุดของโลก ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 79.65 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.49%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 18 ดอลลาร์ หรือ 0.78% ปิดที่ 2,340.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มคลายความร้อนแรง และทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,354.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.60%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 830.47 / –
