รอวันฉันเลือกทาง / 1,365 — 1,380
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- คาด SET Sideways: จากปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่ไม่แข็งแกร่งนัก ทำให้ทิศทางดัชนีวันนี้อาจไม่เลือกทางชัดเจน โดยปัจจัยบวก ได้แก่ 1) แรงเก็งกำไรงบงวด 1Q67 โค้งสุดท้าย ซึ่งหลายบริษัทรายงานงบวันนี้ นำโดย CPF, CPN พรุ่งนี้ AOT, BEM, BDMS, PTT หากดีกว่าตลาดคาดจะเป็นผลดีต่อดัชนี โดยถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา EPS หุ้นไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 92.36 ซึ่งมากกว่า 92.34 ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ค.67 2) คาดกลุ่มส่งออก ท่องเที่ยว และนิคมฯ ได้แรงหนุนจากนายกมีแผนเยือนต่างประเทศ โดยมีแผนเข้าพบ ปธน.ฝรั่งเศส, นายกฯ อิตาลี่ และร่วมงาน Nikkei Forum ที่ญี่ปุ่น ซึ่งคาดจะเป็นแรงหนุนจากการชวนต่างชาติเข้าลงทุนในไทย, หารือการค้า และส่งเสริม Soft Power 3) กลุ่มจับจ่ายใช้สอยได้แรงหนุนจาก ครม.เตรียมพิจารณาเก็บ Vat สินค้านำเข้า ที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากช้อปปิ้งก่อนเปิดเทอมของไทย และ 4) คาด Sentiment บวกจากจีน หลังเผย CPI เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด +0.1% สู่ เม.ย.+0.3% ขณะที่แรงกดดัน นำโดย 1) ผู้ว่าการเฟดมองว่าเฟดไม่ควรรีบลดดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อสหรัฐช่วง 1Q67 ยังอยู่ในระดับสูง และขอให้ลดดอกเบี้ยด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% 2) คาดกลุ่มพลังงานกดดันดัชนี จากราคาน้ำมัน WTI ที่ลดลงต่ำกว่า 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แรงกดดันคาดการณ์อุปทานเพิ่ม หลังอิรัก ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 2 ของโอเปก จะไม่ร่วมประชุมการขยายเวลาลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ที่กรุงเวียนนา ออสเตรียต้นเดือน มิ.ย. และ 3) แรงขายลดความเสี่ยงในหุ้นไทยก่อนทราบ GDP 1Q67 ซึ่งทางฝ่ายมีมุมมองเชิงลบ โดยมองจากเงินเฟ้อไทยที่เผยก่อนหน้า ได้สะท้อนแรงผลักของเงินเฟ้อไทยจากฝั่งอุปทาน แต่ขาดแรงหนุนจากอุปสงค์ สวนทางกับรายได้ประชาชนที่ยังหนืดตัว
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) เก็งงบ 1Q67: AOT, BGRIM, CPF, ERW, ICHI, SAWAD 2) นายกชวนต่างชาติลงทุนไทย: AMATA, ASIAN, GFPT, PIN, TU, WHA 3) เก็บ VAT สินค้านำเข้า: BJC, DOHOME, WARRIX 4) Defensive: BDMS, BCH, BTS, CHG
ปัจจัยบวก
- อิสราเอลได้ส่งทั้งรถถัง และเครื่องบินรบ โจมตีพื้นที่ราฟาห์ เขตฉนวนกาซา แม้ว่าทาง ปธน.สหรัฐ พึ่งเตือนว่าหากอิสราเอลโจมตีทางราฟาห์จะระงับการสนับสนุนทางทหาร ทางฝ่ายจึงมองเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน และมองเป็นบวกต่อปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ในพื้นที่ตะวันออกกลาง หลังชาติมหาอำนาจลดการสนับสนุนทางทหาร
- การท่องเที่ยวจีนระบุว่า ยอดการเดินทางช่วงหยุดวันแรงงาน 5 วันที่ผ่านมา มีจำนวน 295 ล้านครั้ง (+28%y-y) เมื่อเทียบกับช่วงปี 62 ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19
- เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยมองความสัมพันธ์ไทย-อียูแข็งแกร่ง โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 1 พันล้านายูโรต่อสัปดาห์ โดยมองต้องการต่อยอดผ่านการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีให้มากขึ้น
- ทางการอังกฤษเผย GDP งวดไตรมาส 1Q67 ขยายตัว 0.6%y-y ซึ่งมากกว่าคาด 0.4%y-y ทำให้อังกฤษหลุดพื้นจากจากสภาวะ Technical Recession
ปัจจัยลบ
- EU Chamber ระบุว่า มีบริษัทยุโรปในจีนเพียง 30% เท่านั้นที่มีผลกำไรเติบโต สาเหตุจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอลง จากการกีดกันทางการค้า และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากเกินไป
- Bloomberg เผยว่า ปธน. โจ ไบเดน ของสหรัฐเตรียมเปิดเผยแผนการตัดสินใจจัดเก็บภาษีศุลกากรกับจีนอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า หนึ่งในนั้นเป็นแผนทบทววนภาษี Section 301 ที่จะนำกลับมาใช้ โดยมุ่งไปที่ยานยนต์ BEV ของจีน ขณะที่ทางการจีนรายงานยอดขายรถโดยสาร ส่วนบุคคลเดือน เม.ย.ที่ 1.55 ล้านคัน (-9.6%m-m)
- รอยเตอร์รายงานว่า ญี่ปุ่นอาจเผย GDP งวด 1Q67 หดตัวถึง 1.5% ปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในอนาคต โดยขณะที่ BoJ มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
- DDproperty เผยว่างวด 1Q67 ค่าเช่าและราคาประกาศขายอสังหาฯ ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 1%q-q, +5%y-y จากต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้นสวนทางกับรายได้ประชาชนที่ยังซบเซา
PICKS OF THE DAY
BDMS BUY
- เป้าหมาย 30.00 / 31.00 แนวรับ 28.00
- งบสวย คาดโต q-q และ y-y: ทางฝ่ายมองบวกต่องบ 1Q24 เนื่องจากปริมาณตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ออกมาใน 1Q24 จึงทำการปรับเพิ่มปริมาณผู้ป่วยชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่ารายได้ค่ารักษาพยาบาลจะเติบโตที่ระดับ 27,151.5 ลบ. (+3.1%q-q, +13.1%y-y) และคาดกำไรสุทธิ +4.9%q-q, +20.1%y-y ที่ 4,144.5 ลบ.
- ตอกย้ำการเติบโต ด้วยลูกค้ากลุ่มประกันสุขภาพ: BDMS และอลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จับมือเป็นพันธมิตร รองรับลูกค้าประกัน พ่วงด้วยออกประกันตัวใหม่กับทาง BDMS คาดช่วยผลักดันรายได้เติบโตกว่า 10% หลังจากมีแนวโน้มที่คนอายุน้อยหันมาซื้อประกันสุขภาพกันเพิ่มมากขึ้นเนื่องด้วยความซับซ้อนในการรักษา
SAWAD BUY
- เป้าหมาย 40.00 / 41.00 แนวรับ 37.00
- คาดกำไร 1Q67 เพิ่มขึ้น y-y และ q-q: ทางฝ่ายคาดว่า SAWAD จะมีกำไร 1Q67 1.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 10.2% y-y และ 4.4% q-q ถึงแม้จะคาดว่าต้นทุนทางการเงิน และการตั้งสำรองอาจจะยังสูงขึ้น แต่รายได้ดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามสินเชื่อยังจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นได้
- ได้ประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยลดลง: หาก กนง. มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจะทำให้ SAWAD ได้ประโยชน์ที่จะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นได้