Daily Focus 2024: Earnings and Selective Play

SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Up ได้ตามคาด ปิดบวกอีกเล็กน้อย 4.07 จุด ที่ระดับ 1376.57 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.3 หมื่นลบ. กลุ่มที่นำตลาด ได้แก่ อาหาร ค้าปลีก อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ถ่วงคือ ยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ ไฟแนนซ์ สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 46 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื่อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 2.3 พันลบ. (และ Long Index Futures ต่อเนื่องสุทธิอีก 2.26 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways Up ได้ต่อเนื่อง โดยขยับกรอบขึ้นเป็น 1,372-1,385 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนไปในทางบวก แม้ตัวเลขเงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯเดือน เม.ย. จะออกมาสูงกว่าคาด +0.5% m-m แต่รายการที่จะถูกนำไปคำนวณใน CPI และ PCE ยังเห็นสัญญาณชะลอ ทำให้ตลาดยังคาดหวังว่าตัวเลข CPI เดือนเม.ย. คืนนี้จะยังเห็นพัฒนาการเชิงบวก ตลาคคาด Core CPI +0.3% m-m, +3.6% y-y ด้าน Bond Yield และ Dollar Index เมื่อคืนที่ผ่านมาชะลอตัวลงเล็กน้อย ส่วนผลประกอบการ 1024ของบริษัทจดทะเบียนไทย ล่าสุดประกาศออกมาเกือบครบแล้วโดยรวมยังดีกว่าตลาดคาดราว 10% ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีและช่วยจำกัด Downside ของประมาณการ EPS ปี 2024 ของเราที่ราว 91.50 บาท (Bloomberg 92.20 บาท) ทำให้เรายังคงมุมมองว่า SET Index น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและทยอยฟื้นตัวขึ้นโดยคาดหวังเห็นเม็ดเงินต่างชาติทยอยไหลกลับบ้างหลังขายหนักตั้งแต่ปีก่อน กลยุทธ์เราจึงเน้นถือลงทุนต่อเนื่องและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงหนุนจากนโยบาย Digital Wallet ปลายปี

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน

หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU

FSSIA Portfolio: AOT, BMS, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, TIDLOR and TU

หุ้นเด่นวันนี้ : ERW

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท
  • กำไรปกติ 1Q24 ออกมาที่ 289 ลบ. +35% q-q, +29% y-y ทำ New High และดีกว่าคาด 15% หนุนจาก Margin ที่ดีกว่าคาด หากรวมรายการพิเศษจะมีกำไรสุทธิ 417 ลบ. +95% q-q, +75% у-у
  • โมเมนตัมกำไร 2Q24 คาดว่ายังเห็นการเติบโตแข็งแกร่ง y-y หนุนจากโรงแรมเดิม รวมถึงพัฒนาการเชิงบวกของ Hop Inn ญี่ปุ่นที่เข้าช่วง High Season กำไร 1Q24 คิดเป็น 36% ของประมาณการทั้งปีที่ 807 ลบ. +12% y-y ซึ่งมี Upside
  • แนวรับ 4.90//4.80 บาท แนวต้าน 5.05//5.25 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลเข้าภูมิภาคสุทธิต่อเนื่อง และเร่งขึ้นผิดคาดเป็น US$809 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$613 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$215 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังผสมผสาน ไหลเข้าไทย US$63 ล้าน แต่ไหลออกจากอินโดนีเซียและเวียดนามประเทศละ US$31-48 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าแม้ PPI สหรัฐฯ เดือน เม.ย. จะออกมาสูงกว่าคาด แต่ตลาดยังคาดหวังว่า CPI คืนนี้จะเห็นการชะลอตัว

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) BDMS กำไรปกติ 1Q24 ทำ record high ที่ 4 พันลบ. +3% q-q +17% y-y ตามเรา และตลาดคาด โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 11% y-y เป็นสถิติสูงสุดใหม่ ดีทั้งผู้ป่วยไทยและต่างชาติ อีกทั้ง EBITDA Margin ทำ record high เช่นกัน กำไรปกติ 1Q24 คิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้ม 2Q24 น่าจะมีโมเมนต้มที่ดีต่อเนื่อง จากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 35 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) AOT กำไรปกติ 2QFY24 ที่ 5.9 พันลบ. +26% q-q, +206% y-y ตามคาด โดยมีรายได้รวมเติบโต 66% y-y จากทั้งปริมาณผู้โดยสารทั้งใน และต่างประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 80% และ 86% ก่อนโควิด ตามลำดับ รายได้ PSC เพิ่มขึ้น 41% y-y และรายได้จากที่เกี่ยวข้องกับสัปทานเติบโต 125% Y-Y หนุนจากสัญญา minimum guarantee ของ King Power และปริมาณ ผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไรปกติ 3QFY24 น่าจะดีขึ้นจากผู้โดยสารต่างประเทศที่ฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 88% ก่อนโควิด คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 75 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ” (กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ของ AOT)

(+) CENTEL กำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 755 ลบ. +155% q-q, +20% y-y ดีกว่าเราคาด 14% และเป็นกำไรปกติที่สูงเกิน 1Q19 ด้วย หลักๆ มาจาก EBITDA margin ของธุรกิจโรงแรมสูงกว่าคาดโดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น 19% y-y จาก RevPAR ทั้งโรงแรมในไทยและต่างประเทศเว้นญี่ปุ่นที่ปรับล่ง ส่วนธุรกิจอาหารมีรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย SSSG +1% คาด 2Q24 กำไรจะเพิ่มขึ้น y-y จากฐานต่ำปีก่อนและเป็นฤดูท่องเที่ยวในญี่ปุ่น คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) HANA กำไรปกติ 1Q24 ที่ 313 ลบ. +151% q-q, +18% y-y แต่ต่ำกว่าเราคาด 6% เรามีมุมมองเป็นกลางกับงบ 1Q24 โดยรายได้รวมที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น 3% q-q แต่ลดลง 6% y-y ขณะที่รายได้ที่เป็นบาทปรับลง 1.5% y-y จากบาทอ่อนค่า อัตรากำไรขั้นตั่นฟื้นตัวตามคาด คาด 2Q24 กำไรน่าจะดีขึ้น และเรายังมองภาพบวกของการฟื้นตัวในช่วง 2H24 จากความต้องการที่ฟื้นตัวของจีน คงประมาณการกำไรปกติ 2.18 พันลบ.+9% y-y และราคาเป้าหมาย 50 บาท ยังแนะนำ “ซื่อ”

(-) KCE กำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 515 ลบ. +8% q-q และ +49% y-y ผิดหวังและต่ำกว่าตลาดและเราคาด 14-18% จากรายได้ PCB ทรงตัว q-q แต่ลดลง 8% y-y ต่ำกว่า guidance ผู้บริหารและรายได้ Non-PCB ปรับลงแรง สาเหตุที่รายได้ลดลงเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และการเลื่อนการสู่งมอบเกือบทุกภูมิภาค กำไรปกติ 1Q24 คิดเป็น 21% ของประมาณทั้งปี 2024 แม้ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 4-7% แต่เรามีความกังวลมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อที่ชะลอตัว รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่อาจปรับขึ้นใน 2H24 จากราคาทองแดงที่ปรับขึ้น คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 43 บาท ยังแนะนำเพียง “ถือ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 126.60 จุด หรือ +0.32% ปิดที่ 39,558.11 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากประธานเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ขณะที่นักลงทุนซึมซับตัวเลขดัชนี PPI ของสหรัฐ และหันไปจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ในวันนี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเดลิเวอรี่ ฮีโร่ (Delivery Hero) ของเยอรมนีซึ่งพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการขายธุรกิจฟู้ดแพนด้าในไต้หวัน ขณะที่นักลงทุนยังจับตาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก สอดคล้องกับตลาดสหรัฐ ขณะที่ ตลาดหุ้น ฮ่องกงและเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.61%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 78.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ที่สูงเกินคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้นในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 78.36 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.44%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 16.90 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 2,359.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ราคาทองคำยังดีดตัวขึ้นหลังจากประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยอีก ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,360.60 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +0.03%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 831.93/ –

- Advertisement -