KS Daily View 16.05.2024 >>>หุ้นสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดใหม่ เงินเฟ้อสหรัฐลดลงตามคาด ตัวเลขค้าปลีกไม่เติบโต ประเมิน SET ซื้อขายในแดนบวกกรอบ 1,370-1,390 หุ้นแนะนำ DELTA, TIDLOR
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินดัชนีวันนี้เคลื่อนไหวในแดนบวก ในกรอบ 1,370 – 1,390 จุด ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดบวกทั้ง 3 ดัขนี ทำสถิติจุดสูงสุดใหม่ จากตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปออกมาตามคาดที่ 3.4% และเงินเฟ้อขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 3.6% แสดงถึงการลดลงของเงินเฟ้อ รวมถึงตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ อ่อนแอลงไม่เติบโตในเดือน เม.ย. ทำให้ตลาดกลับมาคาดว่าเฟดมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เดือน ก.ย. และ ธ.ค. ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 2 ปีลดลงที่ 4.73% และ 10 ปี ลดลงที่ 4.34% ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงที่ 104.283 เป็นผลดีกับสินทรัพย์เสียงอย่างตลาดหุ้นและทองคำ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้แนะนำ จากการที่อัตราดอกเบี้ยมีทิศทางปรับตัวลดลงส่งผลดีกับกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และการเงิน เลือกหุ้นแนะนำอย่าง DELTA, TIDLOR
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี เป็นไปตามคาด และน้อยกว่าจากเดือนมี.ค. ที่ระดับ 3.5% หากเทียบรายเดือน ปรับตัวขึ้น 0.3% ซึ่งต่ำกว่าคาดไว้ที่ระดับ 0.4% และเดือนก่อนที่ระดับ 0.4% ส่วนดัชนี CPI ขั้นพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.6% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี เป็นไปตามคาด และน้อยกว่าเดือน มี.ค. ที่ระดับ 3.8% เมื่อเทียบรายเดือน ปรับตัวขึ้น 0.3% เป็นไปตามคาด และน้อยกว่าเดือน มี.ค. ที่ระดับ 0.4%
- กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รารงานยอดค้าปลีก เดือน เม.ย. ทรงตัวที่ระดับ 0% เมื่อเทียบรายเดือน น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเติบโตขึ้น 0.4% และน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 0.6%
- ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool คาดว่าเฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งๆ ละ 25bps ในเดือน ก.ย. และ ธ.ค.
- สำนักงานสถิติยุโรป (Eurostat) เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ปี 2567 ครั้งที่ 2 เติบโตขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายปี และ 0.3% เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับการเปิดเผยครั้งแรก ส่วนตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% เทียบรายเดือน ดีกว่าคาดไว้ที่ระดับ 0.5%
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- DELTA: ราคาพื้นฐานที่ 79 บาท
บริษัทรายงานกำไรปกติไตรมาส 1/2567 ที่ 3.8 พันลบ. เพิ่มขึ้น 10% YoY แต่ลดลง 21% QoQ จากการประชุมนักวิเคราะห์ บริษัทฯ จะคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10-20% YoY เราเชื่อว่ากำไรน่าจะต่ำสุดในไตรมาส 1/67 และคาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 2/67 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและ GPM ที่ดีขึ้น แต่ก็มองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ลดลงในธุรกิจ mobility (ชิ้นส่วน EV) จากการเติบโตของยอดขาย EV ที่ชะลอตัวทั่วโลกและการแข่งขันด้านราคา
- TIDLOR: ราคาพื้นฐาน 25.75 บาท
บริษัทรายงานกำไรไตรมาส 1/2567 ที่ 1.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 23% QoQ และ 16% YoY เนื่องจากต้นทุนเงินทุนและค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (opex) ต่ำกว่าที่คาด และแรงหนุนหลักจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่ลดลงจากการตัดจำหน่ายหนี้เสียที่ลดลง คาดกำไรไตรมาส 2/2567 เติบโต QoQ และ YoY เราคาดว่าบริษัท จะยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตของกำไร QoQ และ YoY โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อจากการขยายสาขา การคงอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) และคาดว่าจะลด credit cost ลงเล็กน้อยจากการควบคุม NPL ที่ดีขึ้น
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ: ติดตาม รายงานตัวเลข GDP (Prelim) สำหรับ 1Q24 ของญี่ปุ่น โดยตลาดคาดชะลอตัวลงมาอยู่ที่ -1.4% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว +0.4% ขณะที่ในส่วนของสหรัฐมีกำหนดรายงานตัวเลข building permits เดือน เม.ย. โดยตลาดคาดที่ 1.488 ล้านยูนิต ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.467 ล้านยูนิต และ Initial Jobless Claims โดยคาดการณ์ที่ 2.25 แสนตำแหน่งปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.31 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์: ติดตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอย่าง ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม หรือ Industrial Production เดือน เม.ย. โดยตลาดคาดปรับตัวขึ้น +5.40% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +4.50% YoY และยอดค้าปลีก (Retail sales) ของจีน ในเดือน เม.ย. โดยตลาดคาดปรับตัวขึ้น +3.80% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +3.10% YoY