บล.ฟินันเซีย ไซรัส

SRISAWAD CORP (SAWAD TB)

1Q24 results at first glance

กำไร 1Q24 ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด

  • SAWAD รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 อยู่ที่ 1.26พัน ลบ. (-0.4% q-q, +5.1% y-y) คิดเป็น 23% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีที่คาด กำไรก่อนหักสำรอง (PPOP) เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันโดยลดลง 6.7% q-q และเพิ่มขึ้น 15.0% y-y เป็น 2.13 พัน ลบ. รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (non-NII) โตชะลอตัวส่วนมากจาก Low season และวันทำงานที่น้อยลง แม้ว่าจะมีการบริหารหนี้เชิงรุกในไตรมาสดังกล่าว คุณภาพสินทรัพย์ยังเสื่อมลงตามคาด จากการเพิ่มของสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ สินเชื่อขั้นที่ 2 (9.5% เทียบกับ 8.3% ณ สิ้นปี 2023) และทรัพย์สินรอการขายที่เร่งตัวขึ้นมาก
  • เนื่องจากผลประกอบการ 1024 ส่วนมากสอดคล้องกับประมาณการทั้งปีของเรา เราคงประมาณการตัวเลขการเติบโตของกำไรปี 2024-26 ของเราไว้ที่ 12.1% CAGR โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญอยู่ที่การเติบโตของสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อทะเบียนสินทรัพย์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 17.5% ต่อปี และ Spread ที่คาดว่าจะโตต่อเนื่องในปี 2025-26 ซึ่งอาจช่วยชดเชยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้และต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงตามสมมติฐานที่ระมัดระวังของเรา
  • เราคงคำแนะนำถือที่ราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 40 บาท (GGM) คิดเป็นค่า P/BV อยู่ที่ 1.72x ภายใต้สมมติฐานค่า LT ROE ที่ 18.1% และ COE ที่ 12.6% เราชอบ TIDLOR (BUY; TP 27 บาท) มากกว่า SAWAD จากศักยภาพการเติบโตของกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่า

Highlights

(0) NII และ Spread: NII โตเล็กน้อยที่ 0.2% q-q (แต่เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญถึง 37.7% y-y) สอดคล้องกับสินเชื่อที่ขยายตัวต่อเนื่อง (+1.6% q-q, +52.8% y-y) แม้ว่า SCAP จะตัดจำหน่ายหนี้เชิงรุกใน 1Q24 Interest spread ลดลงแรงถึง 59bp เป็น 14.55% จาก Loan yields ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางต้นทุนในการกู้ยืมที่สูงขึ้น

(-) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: ค่าใช้จ่ายปรับขึ้น 9.3% q-q และ 40.1% y-y เป็น 2.49พันลบ. โดยมีปัจจัยถ่วงสำคัญอยู่ที่ผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่สูงขึ้นส่วนมากจากบริษัทย่อย SCAP (SAWAD ถือหุ้น 72%) ผลักด้นให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ของกลุ่มฯ เป็น 53.9%

(+) คุณภาพสินทรัพย์: สัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพเร่งตัวขึ้นเป็น 3.24% ใน 1Q24 เทียบกับ 3.09% ณ สิ้นปี 2023 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าประมาณการของ SAWAD ที่ต่ำกว่า 3.50% ในทางตรงกันข้ามต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อลดลงเหลือ 199bp เทียบกับ 281bp ใน 4Q23 สูงกว่าเป้าประมาณการของบริษัทฯ ในปี 2024 ที่ 180bp ซึ่งทำให้สัดส่วนสำรองต่อหนี้ด้อย คุณภาพลดลงเหลือ 50.8% เทียบกับ 53.6% ณ สิ้นปี 2023 SAWAD ได้ออกมาตราการเชิงรุกเพื่อจัดการกับการตัดจำหน่ายหนี้เชิงรุกใน 1Q24 (458 ลบ. เทียบกับ 312 ลบ. ใน 4Q23)

บริษัทฯ เปิดเผยว่าการตัดจำหน่ายส่วนมากกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มที่มีความเปราะบางของ SCAP ซึ่งมีอัตราส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) เกิน 70% อย่างไรก็ดี SAWAD ยืนยันว่าต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อน่าจะปรับตัวลดลงใน 2Q24 และเป็นปกติในช่วง 2H24

- Advertisement -