บมจ.ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) หรือ CFARM พร้อมด้วย บจ.แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ หรือ APM ที่ปรึกษาทางการเงิน บล.บียอนด์ หรือ BYD และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOB ในฐานนะแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุนกรุงเทพฯ โชว์จุดเด่นพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ก่อนเตรียมเสนอขาย IPO 149 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ระดมทุนเพื่อก่อสร้างฟาร์ม ปรับปรุงโรงเรือน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APMในฐานะที่ปรึกษาการเงิน กล่าวว่า บริษัทนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุน (โรดโชว์) ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดสุดท้าย ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยก่อนหน้านี้บริษัทเดินสายโรดโชว์มาแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี , บุรีรัมย์ , ขอนแก่น, เชียงใหม่ , สุราษฎร์ธานี และ สงขลา ซึ่งนักลงทุนทุกจังหวัดให้การตอบรับเป็นอย่างดี จากพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่แข็งแรง ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมกำหนดวันเสนอขายหุ้น IPO และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ภายในไตรมาส 2/67 นี้
นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ.ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) หรือ CFARM มีจุดเด่นคือประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของกลุ่มผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร ที่สืบทอดกิจการกันรุ่นต่อรุ่นตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี มีการพัฒนาระบบการผลิตให้ทันสมัยและมีความพร้อมในการดำเนินงานสม่ำเสมอ จึงมีความชำนาญในการเลี้ยงไก่เนื้อให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐานและมีการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่สัญญาทุกรายเรื่อยมา โดยทุกฟาร์มได้รับการรับรองเรื่องการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อจากกรมปศุสัตว์จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เลี้ยงไก่เนื้อชั้นนำของประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิตเลี้ยงไก่ 15.9 ล้านนตัวต่อปี
ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นจำนวน 149 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วน 25.69% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายหลังการ IPO แล้ว บริษัทจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร สำหรับวัตถุประสงค์หลักในการระดมทุน เพื่อก่อสร้างฟาร์ม ปรับปรุงโรงเรือน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ นอกจากนี้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รองรับการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจ และคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วน
นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ประกอบธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา กล่าวว่า สำหรับวัตถุประสงค์หลักในการระดมทุน เพื่อก่อสร้างฟาร์ม ปรับปรุงโรงเรือน อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ นอกจากนี้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รองรับการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจ และคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วน
บริษัทฯ ตั้งใจที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในทุกพื้นที่ โดยเน้นความสำคัญในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะธุรกิจและ พื้นฐานทางการเงิน เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจถึงศักยภาพการดำเนินงานและโอกาสการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต ซึ่งภายหลังเข้าตลาด mai เชื่อมั่นว่าธุรกิจจะขยายตัวได้อีกมากจากแผนนำเงินต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้และกำไรให้เติบโตแข็งแกร่ง
พร้อมกันนี้ ยังได้ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมไก่เนื้อ ที่ในปัจจุบันมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ยังมีความต้องการบริโภคเนื้อไก่มีแนวโน้มเติบโตตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับเกษตรกรมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน และมีการควบคุมเฝ้าระวังโรคระบาดได้ดี ปศุสัตว์ไก่เนื้อมีผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการขยายการผลิตเพื่อให้ตอบสนองความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นทั้งธุรกิจอาหารและการท่องเที่ยว ขณะที่ความต้องการของตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกันทำให้มีปริมาณการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เนื้อไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง
บริษัทจังมีความมั่นใจอย่างยิ่งในการเดินหน้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง และ สร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต
ข้อมูลธุรกิจ CFARM :
บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “CFARM”) ดำเนินธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาชั้นนำในประเทศไทยในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา เลี้ยงไก่เนื้อในโรงเรือนด้วยระบบปิดปรับอากาศ (Evaporative Cooling System : EVAP) ทุกโรงเรือนเลี้ยงไก่เนื้อมีคุณภาพตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมาตรฐานที่กำหนดโดยคู่สัญญา อีกทั้งบริษัทได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (เลี้ยงไก่) ด้านประกอบกิจการเลี้ยงไก่เนื้อ ที่ออกโดยองค์การบริหารส่วนตำบลท้องถิ่นที่โรงเรือนตั้งอยู่ ปัจจุบันบริษัทได้รับมาตรฐาน ISO 9001:2015 (ระบบบริหารงานคุณภาพ) ISO 14001:2015 (ระบบมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม) และ ISO 45001:2018 (มาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย)
โดยในปัจจุบันบริษัทมีฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อทั้งสิ้น 8 ฟาร์ม ประกอบด้วยโรงเรือนจำนวน 121 โรงเรือน ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีความสามารถในการเลี้ยงไก่เนื้อประมาณ 3.18 ล้านตัวต่อรอบการเลี้ยง หรือประมาณ 15.88 ล้านตัวต่อปี