“MAGURO” ผลักดันธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นโตต่อเนื่อง เข้าตลาดหุ้นได้ใน 9 ปี กระแสตอบรับโรดโชว์แรง นักลงทุนเข้าฟังล้นหลาม เตรียมเคาะราคาขายไอพีโอ เร็วๆนี้ พร้อมเข้าเทรดต้นเดือนหน้า

MAGURO” ผลักดันธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นโตต่อเนื่อง เข้าตลาดหุ้นได้ใน 9 ปี กระแสตอบรับโรดโชว์แรง นักลงทุนเข้าฟังล้นหลาม เตรียมเคาะราคาขายไอพีโอ เร็วๆนี้ พร้อมเข้าเทรดต้นเดือนหน้า

บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม ปลื้ม กระแสตอบรับจากการจัดโรดโชว์แรง กลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจสูง ทั้งนักลงทุนสถาบัน และ นักลงทุนกลุ่ม VI  เตรียมเคาะราคาไอพีโอเร็วๆ นี้

นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO (ซ้าย), คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO (กลาง), คุณรณกาจ ชินสำราญ กรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO (ขวา)

คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO ผู้นำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส กล่าวว่า “บริษัทฯ ขอขอบคุณ นักลงทุนทุกกลุ่ม ที่ให้ความสนใจเข้ารับฟังการนำเสนอข้อมูลของบริษัท และแสดงความสนใจในธุรกิจร้านอาหารของบริษัทฯ ซึ่งมีร้านอาหารภายในเครือทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่ 1. ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมMAGURO” (มากุโระ) จำนวน 14 สาขา 2. ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียมSSAMTHING TOGETHER” (ซัมติง ทูเก็ทเตอร์) จำนวน 6 สาขา และ 3. ร้านอาหารชาบูและสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นแบบต้นตำหรับ (Authentic Japanese Sukiyaki and Shabu Shabu) “HITORI SHABU” (ฮิโตริ ชาบู) จำนวน 6 สาขา ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีจำนวนสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 3 แบรนด์ จำนวน 26 สาขา และมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 11 สาขา เพื่อสร้างการเติบโตอย่างสูงและต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ MAGURO CATERING” ในรูปแบบของ Event Catering และ Office Lunchbox และมีบริการจัดส่งอาหารโดยตรง ภายใต้ชื่อ MAGURO GO” แพลตฟอร์มให้บริการอาหารญี่ปุ่นเดลิเวอรี่คุณภาพระดับพรีเมียมที่จัดส่งถึงที่ ในราคาและคุณภาพเทียบเท่าที่ร้าน

“ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ท้าทาย มีการแข่งขันค่อนข้างสูง และมีผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดทุกๆ ปี ผู้บริโภคมีทางเลือกจำนวนมาก นอกจากนี้ ธุรกิจเดลิเวอรี่อาหารยังเติบโตสูงในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา MAGURO ได้ใช้ 4 กลยุทธ์หลัก ซึ่งเป็นเสมือน 4 เสาหลักในการดำเนินกิจการ และสามารถมีรายได้รวมให้เติบโตสูงเฉลี่ยปีละ 64.26% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา(2564-2566) คือ 1. การขยายสาขาและช่องทางการให้บริการเชิงกลยุทธ์ (Strategic Channel Expansion) โดยมีการจัดทำข้อมูลวิเคราะห์โครงการสาขาที่จะเปิดใหม่ เพื่อพิจารณาผลตอบแทนและความคุ้มค่าในการลงทุน โดยบริษัทฯ จะจัดทำ Feasibility Study ก่อนตัดสินใจเปิดสาขาใหม่ เพื่อโอกาสที่จะทำให้การลงทุนทุกครั้งประสบความสำเร็จ โดยบริษัทฯ เตรียมการขยายสาขาจากปัจจุบัน สู่โลเคชั่นใหม่ทั้งในเมือง และ ย่านชานเมืองสำคัญที่มีกำลังซื้อสูง  โดยใช้ศักยภาพของแบรนด์ของบริษัทฯ ในการดึงดูดลูกค้าด้วยชื่อเสียงของแบรนด์เอง ซึ่งช่วยการลดการพึ่งพาจำนวนลูกค้าจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ และเพิ่มทางเลือกของที่ตั้งในการขยายสาขา   2.การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามปรัชญา Give More (Research and Development with Give More Philosophy) บริษัทฯมุ่งเน้นนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ ร้านอาหารรูปแบบใหม่ รวมถึง มีการพัฒนาเมนูอย่างต่อเนื่องให้หลากหลาย น่าตื่นเต้น ทันสมัย บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแบรนด์ใหม่  สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง การมอบความคุ้มค่าสูงสุดให้ลูกค้าอย่างจริงใจด้วยคุณภาพวัตถุดิบนำเข้าระดับพรีเมียมในปริมาณที่มากเพื่อสร้างความประทับใจ 3.การมอบประสบการณ์ให้ลูกค้าที่เป็นเอกลักษณ์ (Distinctive Customer Experience) และน่าประทับใจทั้งคุณภาพอาหาร การบริการที่รู้ใจและใส่ใจแก่ลูกค้า บรรยากาศที่ดี และการนำระบบ CRM ในการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายให้แก่ลูกค้าได้อย่างตรงจุด  4. การหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อการเติบโต (Diversification for Growth) ด้วยการเปิดสาขาใหม่ และสร้างแบรนด์ร้านอาหารใหม่และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการศึกษาความต้องการของลูกค้าเชิงลึก จากฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากจำนวนสมาชิกที่อยู่ในระบบ(Membership Program) มากกว่า 145,000 ราย”

คุณจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า “ ในธุรกิจร้านอาหารที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เป็น 1 ในหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารที่มีประสบการณ์และมีแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมาตลอด โดย MAGUROสามารถสร้างเครือข่ายร้านอาหารที่แข็งแรงโดยมี 3 แบรนด์ ร้านอาหาร ใน 3 รูปแบบ ทั้ง ซูชิและอาหารญี่ปุ่น, ปิ้งย่างเกาหลี และชาบูสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่น ด้วยคุณภาพของอาหารระดับพรีเมียมในราคาที่คุ้มค่า ทำให้ MAGURO มีฐานลูกค้าที่มั่นคงและสามารถขยายฐานลูกค้า ไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการขยายสาขาของแต่ละแบรนด์อย่างต่อเนื่องในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง ถึงแม้ว่าธุรกิจร้านอาหารจะมีการแข่งขันที่สูง แต่ MAGURO ยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ MAGUROยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ในปี 2566 มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง 45.17% และปลอดหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย และมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 26.52% ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ mai จะช่วยให้บริษัทฯ ขยายฐานทุน สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”

คุณสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวว่า “ นับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวแผนการเตรียมไอพีโอ เกิดกระแสนักลงทุนให้ความสนใจในหุ้นไอพีโอMAGURO เป็นอย่างมาก เนื่องจาก MAGURO มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง จากการที่ร้านอาหารทั้ง 3 แบรนด์ มีชื่อเสียงที่ดี และได้รับการยอมรับอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และสามารถดึงดูดลูกค้าได้ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์เอง ตลอดจนกลุ่มลูกค้าประจำที่เป็นสมาชิก (Membership) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเพิ่มจาก 69,037 รายในปี 2565 เป็น145,615 ราย ในปี 2566 โดยสมาชิกดังกล่าวสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ คิดเป็นกว่า54.36% ของรายได้ในปี 2566 ประกอบกับบริษัทฯ ยังมีการเติบโตที่สูง โดยมีรายได้ที่เติบโตสูงถึง 57.06% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลทั้งจากการเปิดสาขาใหม่ และการเติบโตรายได้ของสาขาเดิม นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 41.91% ในปี 2565 เป็น 45.17%ในปี 2566 และส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ เพิ่มจาก 4.71% ในปี 2565 เป็น 6.93% ในปี 2566 ทำให้กำไรสุทธิมีอัตราการเติบโตเที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีล่าสุด และทางบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสาขาจำนวนมาก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO ได้ ภายในไตรมาสที่ 2 อย่างแน่นอน”

บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO มีผลการดำเนินงานเติบโตสูงและต่อเนื่อง โดยในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 387.61 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 9.57 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีรายได้รวม 665.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.78% มีกำไรสุทธิ 31.36 ล้านบาท เติบโต 227.69% สำหรับปี 2566 มีรายได้รวม 1,045.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.06%และมีกำไร 72.48 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 131.12% จากปีก่อนหน้า  ปัจจุบัน MAGURO มีทุนจดทะเบียน 63.00 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 126,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 52.27 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 104,539,800 หุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวนไม่เกิน 34,060,200 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 27.03 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

- Advertisement -