นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่ทั่วโลกและประเทศไทยกำลังเผชิญกับความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ และเข้าสู่ภาวะโลกเดือด หรือ Global Boiling จนทำให้ปีนี้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนขึ้นเกือบ 1.5 องศาเซลเซียสแล้ว ซึ่งหนึ่งผลกระทบที่สำคัญคือ ปัญหาบ้านร้อน อุณหภูมิภายในบ้านที่สูงขึ้น เพราะเกิดจากผนังบ้านสะสมความร้อนจากแสงแดดไว้ในช่วงเวลากลางวัน และค่อยๆ คายความร้อนออกมาในเวลากลางคืน จึงทำให้รู้สึกได้เลยว่าภายในบ้าน อากาศจะร้อนอบอ้าวมาก
TOA ในฐานะผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมสีทาอาคารตัวจริงที่อยู่คู่คนไทยมา 60 ปี เราตั้งเป้าที่จะช่วยโลกลดผลกระทบจากภาวะโลกเดือด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gas: GHG) ให้ได้ 20% ภายในปี 2025 ด้วยกิจกรรมภายในบริษัทฯ ทั้งการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานทดแทน การขนส่ง การจัดการของเสีย และการปลูกป่า โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมสินค้าลดโลกร้อน ที่ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือฉลากลดโลกร้อน (CFR) โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) มากที่สุดในตลาดสีทาอาคารถึง 40 รายการ โดยมีสินค้าเรือธงอย่าง ‘สีซุปเปอร์ชิลด์’ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 285 กรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (gCO2e) หรือคิดเป็นการทาสีบ้าน ด้วยสีชุปเปอร์ชิลด์ จำนวน 4 หลัง จะเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ได้ถึง 1 ต้น
พร้อมแนะวิธีแก้ปัญหาบ้านร้อน ด้วยการทาสีบ้านภายนอก ‘ซุปเปอร์ชิลด์’ สีบ้านเย็น รายแรกของไทย ชนะที่ 1 เรื่องความทน สะท้อนร้อน ที่มีมานานกว่า 45 ปี ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2522 ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีสีเย็น Cooling Paint ที่ผสาน Triple Technology การทำงานร่วมกันของ ‘ไทเทเนียม แบเรียมซัลเฟต และซิลิกา’ ผ่านการการรับรองจากหลายสถาบันชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นร่วมกับสถาบันวิจัย OTM ประเทศสิงคโปร์ จนได้การผลทดสอบว่าสามารถสะท้อนแสงอาทิตย์ได้อย่างดีเยี่ยม (Solar Reflectance) สูงถึง 97.5% และร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทำการทดสอบประสิทธิภาพในการคายความร้อนออกจากผนังบ้าน (Thermal Emittance) ได้สูงถึง 90% ตามมาตรฐาน ASTM C1371 และยังสามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านให้เย็นลง (Cool Down Temperature) ได้ถึง 5.5 องศาเซลเซียส ด้วยโปรแกรมการทดสอบ Energy Plus และฟิล์มสีทนทานทุกสภาวะอากาศ และช่วยประหยัดพลังงาน เซฟค่าไฟได้ถึง 9,000 บาทต่อปี
“ทั้งนี้ในปี 2023 ที่ผ่านมา TOA ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการดำเนินการตามกลยุทธ์ 7-Green Strategy จนสามารถลด GHG ได้มากกว่า 31,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) เทียบเท่ากับการปลูกต้นสักมากกว่า 1,800,000 ต้น เพื่อตอกย้ำพันธกิจ Green Mission เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ด้วยการบูรณาการและพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ตามหลัก ESG” นายจตุภัทร์ กล่าว