Valuation หุ้นไทยอยู่ในจุดน่าสนใจ ยังแนะสะสม

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเห็นบางตัวเลขชะลอตัว อาทิ ดัชนี PMI ทั้งภาคบริการและภาคผลิตจากสถาบัน ISM ที่ต่ำกว่าระดับ 50 สอดคล้องกับตลาดแรงงานที่เริ่มเห็นตำแหน่งเปิดรับสมัครงานปรับลงต่อเนื่อง ซึ่งต้องติดตามว่าจะส่งผลต่อจำนวนการจ้างงานจากนี้หรือไม่ โดยล่าสุดการจ้างงานนอกภาคเกษตรเห็นจำนวนการจ้างงานที่ลดลง พร้อมกับอัตราการว่างงานที่เริ่มขยับขึ้นและมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมองถึงโอกาสลดดอกเบี้ยมากขึ้น สะท้อนผ่านการปรับลงของ US Bond Yield ซึ่งจะกดดันให้ Dollar Index อ่อนค่า ข้อมูลในอดีตชี้ว่าช่วงอ่อนค่าของ Dollar Index ตลาดหุ้นเกิดใหม่มัก Outperform ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (ไทยได้ประโยชน์) ในส่วนของเศรษฐกิจไทย แม้หลายๆตัวเลขจะย่ำแย่ แต่ทาง ฃธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าครึ่งปีหลังจะเห็นการเติบโตที่มาก ขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ด้านผลประกอบการพบว่ากำไรกลุ่ม Domestic Play ยังเห็นการเติบโตที่ชัดเจน สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่านมา หลังจากรายงานผลประกอบการ ทั้งนี้ภายหลังจากรายงานผลประกอบการ พบว่า Consensus คงเป้าหมายดัชนีและกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 24 กลยุทธ์ การลงทุนยังคงคำแนะนำทยอยสะสมเพื่อรอการฟื้น ตัวช่วงถัดไป

  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิตและภาคบริการของสหรัฐฯจากสถาบัน ISM ปรับลงมาต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนถึงภาวะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯทั้งภาคบริการและภาคผลิตเข้าสู่ภาวะหดตัว ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯตัวอื่นๆก็เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนแรงเช่นกัน อย่างตำแหน่งเปิดรับสมัครงานที่ปรับลงต่อเนื่องจากระดับ 12 ล้านตำแหน่งมาสู่ระดับ 8.5 ล้านตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เห็นการจ้างงานต่ำกว่า Bloomberg คาดการณ์ในเดือนล่าสุด ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯก็เริมปรับลงทั้งจากการสำรวจของ CB , มหาวิทยาลัยมิชิแกน จากผลสำรวจระบว่าผู้บริโภคกังวลกับการจ้างงาน การประกอบธุรกิจ และรายได้ในอนาคต โดยแผนซื้อสินค้าที่อ่อนไหวกับดอกเบี้ยอย่างเช่นอสังหาริมทรัพย์ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เริ่มอ่อนตัวลง ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาคาดการณ์ว่าดอกเบี้ย FED มีโอกาสปรับลงจากนี้สะท้อนผ่านการปรับลงของ US Bond Yield พร้อมกับการอ่อนค่าของ Dollar Index โดยข้อมูลจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักปรับลดดอกเบี้ยในช่วงประชุม FED เดือนกันยายน
  • สำหรับสถิติตลาดหุ้น S&P500 กับการคงดอกเบี้ยพบว่าส่วนใหญ่แล้วมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดยในอดีตกี่ผ่านมามีข้อมูล ดังต่อไปนี้ (1) ช่วงดอกเบี้ย FED รอบปี 2006 FED คงดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาถึง 450 วันก่อนจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ย โดยช่วงเวลา ดังกล่าวตลาดหุ้น S&P500 ปรับขึ้น 22% (2) ดอกเบี้ย FED ปี 2018ธนาคารกลางสหรัฐฯคงดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 280 วันจนปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว S&P500 ปรับขึ้นมา 16% ส่วนรอบล่าสุด FED คงดอกเบี้ยมาแล้ว 295 วัน และดัชนี S&P500 ก็ปรับขึ้นมา 14.8% อิงตามสถิติจึงเชื่อว่าตลาดหุ้น S&P500 มีโอกาสค่อยๆปรับขึ้นได้ อย่างไรก็ตามสถิติหลังลดดอกเบี้ยมักไม่ค่อยดี โดยในช่วง FED ปรับลดดอกเบี้ยปี ม.ค. 2001 หลังปรับลด 1 เดือน S&P 500 ปรับฐาน 10% และ 6 เดือนปรับฐานมากถึง 22% ส่วนช่วง ก.ย. 2007 FED ปรับลดดอกเบียพบว่าหลังปรับลดดอกเบี้ย 1 เดือน S&P500 แกว่งบวกเล็กน้อย 0.5% อย่างไรก็ตาม หลังจากปรับลดดอกเบี้ย 6 เดือนพบว่าตลาดหุ้น S&P500 ปรับลง 16% ซึ่งหากรอบนี้ FED ปรับลดดอกเบี้ยก็แนะติดตามใกล้ชิด โดยเฉพาะการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หากเห็นการติดลบจนถึงขั้นเข้าสู่ภาวะถดถอยก็อาจเห็นตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับฐานแรง

สำหรับตลาดหุ้นไทยหากธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนเพราะว่าในช่วงที่ FED ดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินจะกดดันให้ Dollar Index อ่อนค่า ซึ่งในช่วงที่ Dollar Index อ่อนค่า หากเปรียบเทียบผลตอบแทนตลาด หุ้นพัฒนาแล้ว (DM) กับตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) พบว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่มักให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า (Outperform) ปรับลงน้อยกว่าหรือปรับขึ้นเยอะกว่า

เศรษฐกิจไทยมีหลายๆสัญญาณที่บ่งชี้ว่ายังอ่อนแอ อาทิ ยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง พร้อมกับการเก็บ Vat ของรัฐบาล ที่ทรงตัว สอดคล้องกับการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคในเดือน มี.ค. ที่ปรับลงหนัก ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาฯก็ปรับลงต่อเนื่องเช่นกัน

เศรษฐกิจไทยกำลังค่อยๆฟื้นตัว และมีแนวโน้มจะฟื้นตัวดีครึ่งปีหลังตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 23 พบว่าแรงกดดันมาจากการลงทุนภาครัฐ อย่างไรก็ตามปัจจุบันงบประมาณภาครัฐได้เริ่มเบิกจ่ายเป็นที่เรียบร้อยเมื่อประกอบกับการบริโภคและการท่องเที่ยวจะเร่งขึ้นในครึ่งหลังตามปัจจัยฤดูกาลแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในมุมมองจากธนาคารแห่งประเทศไทยจึงคาดว่าตั้งแต่ช่วง 2Q24 เศรษฐกิจไทยจะฟื้นพร้อมกันทุกเครื่องยนต์อย่างน้อยก็จนถึง 4Q24 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นจากนี้ผลประกอบการ 1Q24 ของบริษัทจดทะเบียนใน SET พบว่ามีกำไรสุทธิรวมกันที่ 2.6 แสนล้านบาท (-1%YoY +48%QoQ) แต่หากไม่ร่วมกลุ่ม Global Play เพื่อให้สะท้อนภาพ Domestic Play พบว่ากำไรรวมกันอยู่ที่ 1.73 แสนล้านบาท (+10%YoY +26%QoQ) ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม ท่องเที่ยว สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาได้แรงหนุนจากการบริโภคและการท่องเที่ยว ทั้งนี้หากเทียบกับคาดการณ์จาก Bloomberg Consensus จะพบว่าส่วนใหญ่แล้วออกมาใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ (46%) จากที่มีคาดการณ์ ขณะที่ถัดมาออกมาดีกว่าคาดการณ์ (33%) โดยส่วนน้อยต่ำกว่าคาดการณ์ (21%)

ภายหลังจากรายงานผลประกอบการ 1Q24 พบว่า Bloomberg Consensus ยังคงเป้าหมายดัชนีล่วงหน้า 12 เดือนไว้ที่ 1616 จุดพร้อมกับคง SET EPS 24E ไว้ที่ 93.46 บาท / หุ้น สะท้อนมุมมอง ค่อนข้างเชิงบวกต่อผลประกอบการที่ประกาศออกมา ในขณะที่มูลค่าของหุ้นไทยอยู่ในจุดที่น่าสนใจ หากใช้ Earnings Yield Gap จะพับว่า ซื้อขายที่ +ISD ในเชิงกุลยุทธ์การลงทุนจึงคงคำแนะนำทยอยสะสมเพื่อรอการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง

Theme Strategy

Consensus เพิ่มเป้าหมายดัชนีเล็กน้อย แต่คงคำแนะนำสะสมเช่นเดิม

ข้อมูล ณ สัปดาห์ก่อนพบว่า Consensus ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีล่วงหน้า 12 เดือนเล็กน้อย และสอดคล้องกับ SET EPS24E ที่ทรงตัวเทียบสัปดาห์ก่อน โดยอุตสาหกรรมที่กำไรถูกปรับขึ้นได้แก่ ขนส่ง และ อสังหา และสำหรับหุ้นรายตัวพบว่า Consensus ปรับเพิ่มในหุ้น STA CBG RATCH SAWAD อย่างไรก็

ตามปรับลงในหุ้น JMART STGT JMT BTG COM7 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนคงคำแนะนำทยอยสะสมเช่นเดิมจาก Valuation ที่น่าสนใจ Top Pick (AOT CPALL CBG CPN HMPRO)

ข้อมูล ณ สัปดาห์ก่อนพบว่า Bloomberg Consensus ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีล่วงหน้า 12 เดือนมาอยู่ที่ 1618 จุดจากสัปดาห์ก่อนที่ 1616 จุด สอดคล้องกับกำไรดัชนีในปี 24 ที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับ สัปดาห์ก่อนหน้า โดยอุตสาหกรรมที่กำไรถูกปรับขึ้นได้แก่ขนส่งอสังหาริมทรัพย์ แต่ปรับลงในค้าปลีกและพลังงาน

  • ในส่วนของหุ้น SET100 พบว่า Bloomberg Consensus ปรับเพิ่มกำไรในหุ้น STA CBG RATCH SAWAD SIRI แต่ปรับลงใน JMART STGT JMT BTG COM7
  • เชิงกลยุทธ์การลงทุนคงคำแนะนำทยอยสะสมเช่นเดิมจากระดับ Valuation ที่น่าสนใจและเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังแม้จะมีปัจจัยด้านการเมืองแต่คาดว่าท้ายที่สุดจะผ่านไปได้ Top Pick เลือก (AOT CPALL CBG CPN HMPRO)
- Advertisement -